พระสุตตันตปิฎกไทย: 17/297/578 579 580 581 582 583 584
สุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค
๓๖-๔๐ รูปอสมเปกขณาทิสูตรที่ ๑-๕
เพราะไม่เพ่งในขันธ์ ๕ จึงเกิดทิฏฐิหลายอย่าง
[๕๗๘] พระนครสาวัตถี. ดูกรวัจฉะ เพราะไม่เพ่งในรูป ฯลฯ ในวิญญาณ ฯลฯ
๔๑-๔๕ รูปอัปปัจจเวกขณาทิสูตรที่ ๑-๕
เพราะไม่พิจารณาขันธ์ ๕ จึงเกิดทิฏฐิหลายอย่าง
[๕๗๙] พระนครสาวัตถี. ดูกรวัจฉะ เพราะไม่พิจารณาในรูป ฯลฯ ในวิญญาณ ฯลฯ
๔๖-๕๐ รูปอัปปัจจุปลักขณาทิสูตรที่ ๑-๕
เพราะไม่เข้าไปกำหนดเฉพาะในขันธ์ ๕ จึงเกิดทิฏฐิหลายอย่าง
[๕๘๐] พระนครสาวัตถี. ดูกรวัจฉะ เพราะไม่เข้าไปกำหนดเฉพาะในรูป ฯลฯ ใน
วิญญาณ ฯลฯ
๕๑-๕๔ รูปอัปปัจจักขกัมมาทิสูตรที่ ๑-๔
กรรมคือการไม่เห็นเฉพาะในขันธ์ ๕ เป็นเหตุเกิดทิฏฐิหลายอย่าง
[๕๘๑] พระนครสาวัตถี. ครั้งนั้น วัจฉโคตรปริพาชก ได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค
ถึงที่ประทับ ได้ปราศรัยกับพระผู้มีพระภาค ครั้นผ่านการปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันไปแล้ว จึง
นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง. ครั้นแล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่ท่านพระโคดม อะไร
หนอเป็นเหตุ เป็นปัจจัย ให้ทิฏฐิหลายอย่างเหล่านี้เกิดขึ้นในโลกว่า โลกเที่ยงบ้าง ฯลฯ สัตว์
เบื้องหน้าแต่ตายแล้วย่อมเกิดอีกก็หามิได้ ย่อมไม่เกิดอีกก็หามิได้บ้าง?
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรวัจฉะ เพราะกรรมคือการไม่เห็นเฉพาะในรูป ในเหตุเกิด
แห่งรูป ในความดับแห่งรูป ในปฏิปทาที่จะให้ถึงความดับแห่งรูป ฯลฯ
[๕๘๒] พระนครสาวัตถี. ดูกรวัจฉะ เพราะกรรมคือการไม่เห็นเฉพาะในเวทนา ฯลฯ
[๕๘๓] พระนครสาวัตถี. ดูกรวัจฉะ เพราะกรรมคือการไม่เห็นเฉพาะในสัญญา ฯลฯ
[๕๘๔] พระนครสาวัตถี. ดูกรวัจฉะ เพราะกรรมคือการไม่เห็นเฉพาะในสังขาร
ทั้งหลาย ฯลฯ