พระสุตตันตปิฎกไทย: 11/3/3

สุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค
เล่ม 11
หน้า 3
จักทรงกระทำอิทธิปาฏิหาริย์ที่เป็นธรรมยิ่งยวด ของมนุษย์แก่ข้าพระองค์ ดังนี้ ดูกรโมฆบุรุษ เมื่อ เป็นเช่นนี้ เธอเมื่อบอกคืน จะชื่อว่าบอกคืนใคร ดูกรสุนักขัตตะ เธอจะสำคัญความข้อนั้น เป็นไฉน คือเมื่อเราได้กระทำอิทธิปาฏิหาริย์ที่เป็นธรรมยิ่งยวดของมนุษย์ หรือมิได้กระทำก็ดี ธรรม ที่เราได้แสดงไว้ ย่อมนำผู้ประพฤติให้สิ้นทุกข์โดยชอบ
[หรือหาไม่] ฯ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เมื่อพระองค์ได้ทรงกระทำอิทธิปาฏิหาริย์ที่เป็น ธรรมยิ่งยวดของ มนุษย์ หรือมิได้ทรงกระทำก็ดี ธรรมที่พระองค์ได้ทรงแสดงไว้ ย่อมนำผู้ประพฤติให้สิ้นทุกข์ โดยชอบ พระเจ้าข้าฯ ดูกรสุนักขัตตะ เพราะเหตุที่เมื่อเราได้กระทำอิทธิปาฏิหาริย์ที่เป็นธรรม ยิ่งยวดของมนุษย์ หรือมิได้กระทำก็ดี ธรรมที่เราได้แสดงไว้ย่อมนำผู้ประพฤติให้ สิ้นทุกข์โดยชอบ เช่นนี้ เธอจะ ปรารถนาการกระทำอิทธิปาฏิหาริย์ที่เป็นธรรม ยิ่งยวดของมนุษย์ไปทำไม ดูกรโมฆบุรุษ เธอจง เห็นว่า ข้อนี้เป็นความผิดของเธอ เท่านั้น ฯ
[๓] ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระผู้มีพระภาคมิได้ทรงบัญญัติสิ่งที่โลก สมมติว่าเลิศแก่ ข้าพระองค์เลย ฯ ดูกรสุนักขัตตะ เราได้กล่าวกะเธออย่างนี้ว่า มาเถิดสุนักขัตตะ เธอจงอยู่ อุทิศต่อเรา เราจักบัญญัติสิ่งที่โลกสมมติว่าเลิศแก่เธอ ดังนี้ บ้างหรือ ฯ หามิได้ พระเจ้าข้า ฯ หรือว่า เธอได้กล่าวกะเราอย่างนี้ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ จักอยู่อุทิศต่อ พระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาคจักทรงบัญญัติสิ่งที่โลกสมมติว่าเลิศ แก่ข้าพระองค์ ฯ หามิได้ พระเจ้าข้า ฯ ดูกรสุนักขัตตะ เพราะเหตุที่เรามิได้กล่าวกะเธอว่า มาเถิด สุนักขัตตะเธอจงอยู่อุทิศ ต่อเรา เราจักบัญญัติสิ่งที่โลกสมมติว่าเลิศแก่เธอ ดังนี้ อนึ่ง เธอ ก็มิได้กล่าวกะเราว่า ข้าแต่ พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์จักอยู่อุทิศต่อพระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาคจักทรงบัญญัติสิ่งที่โลก สมมติว่าเลิศแก่ข้าพระองค์ ดังนี้ ดูกรโมฆบุรุษ เมื่อเป็นเช่นนี้ เธอเมื่อบอกคืน จะชื่อว่า บอกคืนใคร ดูกรสุนักขัตตะ เธอจะเข้าใจความข้อนั้นเป็นไฉน คือเมื่อเราได้บัญญัติสิ่ง ที่โลกสมมติว่าเลิศ หรือ มิได้บัญญัติก็ดี ธรรมที่เราได้แสดงไว้ ย่อมนำผู้ประพฤติให้สิ้นทุกข์ โดยชอบ
[หรือหาไม่]