พระสุตตันตปิฎกไทย: 22/307/309
สุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต
ทายกก่อนแต่จะให้ทานเป็นผู้ดีใจ กำลังให้ทานอยู่ย่อมยังจิตให้เลื่อมใส
ครั้นให้ทานแล้วย่อมปลื้มใจ นี้เป็นยัญสมบัติปฏิคาหกผู้สำรวมประพฤติ
พรหมจรรย์ทั้งหลาย คือ ท่านผู้ปราศจากราคะ ปราศจากโทสะ ปราศจาก
โมหะ ไม่มีอาสวะย่อมเป็นเขตถึงพร้อมแห่งยัญ ทายกต้อนรับปฏิคาหก
ด้วยตนเอง ถวายทานด้วยมือตนเอง ยัญนั้นย่อมมีผลมากเพราะตน
(ทายกผู้ให้ทาน) และเพราะผู้อื่น (ปฏิคาหก) ทายกผู้มีปัญญา มีศรัทธา
เป็นบัณฑิต มีใจพ้นจากความตระหนี่ครั้นบำเพ็ญทานอย่างนี้แล้ว ย่อม
เข้าถึงโลกที่เป็นสุขไม่มีความเบียดเบียน ฯ
จบสูตรที่ ๗
๘. อัตตการีสูตร
[๓๐๙] ครั้งนั้นแล พราหมณ์คนหนึ่ง เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ ประทับ ได้
ปราศรัยกับพระผู้มีพระภาค ครั้นผ่านการปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันไปแล้ว จึงนั่ง ณ ที่ควรส่วน
ข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ
ก็ข้าพระองค์มีวาทะอย่างนี้ มีทิฐิอย่างนี้ว่า การทำเพื่อตนไม่มี การทำเพื่อผู้อื่นไม่มี พระผู้มี
พระภาคตรัสว่า ดูกรพราหมณ์ เราอย่าได้เห็นหรือได้ฟังคำของบุคคลผู้กล่าวว่า เรามีวาทะอย่างนี้
มีทิฐิอย่างนี้ ก็บุคคลเมื่อก้าวไปเองได้ ถอยกลับเองได้ ไฉนเล่าจักกล่าวอย่างนี้ว่า การทำเพื่อ
ตนไม่มีการทำเพื่อผู้อื่นไม่มี ดูกรพราหมณ์ ท่านจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน อารัพภธาตุ
(ความเพียรเป็นเหตุปรารภ) มีอยู่หรือ ฯ
อ. อย่างนั้น ท่านพระโคดม ฯ
พ. เมื่ออารัพภธาตุมีอยู่ สัตว์ทั้งหลายผู้มีความปรารภย่อมปรากฏหรือ ฯ
อ. อย่างนั้น ท่านพระโคดม ฯ
พ. ดูกรพราหมณ์ การที่เมื่ออารัพภธาตุมีอยู่ สัตว์ทั้งหลายผู้มีความปรารภ ย่อม
ปรากฏ นี้แหละเป็นการทำเพื่อตน นี้แหละเป็นการทำเพื่อผู้อื่น ของสัตว์ทั้งหลาย ดูกรพราหมณ์
ท่านจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน นิกกมธาตุ (ความเพียรเป็นเครื่องก้าวออก) มีอยู่หรือ