พระสุตตันตปิฎกไทย: 11/31/24      
      สุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค
      
     
 
    
        
          
                 ดูกรนิโครธะ คำอื่นที่ควรกล่าวยังมีอีก บุคคลผู้มีตบะย่อมถือมั่นตบะ เขาให้ลาภ
สักการะและความสรรเสริญเกิดขึ้นด้วยตบะนั้น เขาย่อมเมา ย่อมลืมสติ      ย่อมถึงความเมาด้วย
ลาภสักการะและความสรรเสริญนั้น แม้ข้อที่ผู้มีตบะ ถือมั่นตบะ     ยังลาภสักการะและความสรรเสริญ
ให้เกิดขึ้นด้วยตบะนั้น เมา ลืมสติ ถึงความเมา     ด้วยลาภสักการะและความสรรเสริญนั้น นี้แล
ย่อมเป็นอุปกิเลสแก่บุคคลผู้มีตบะ ฯ
     ดูกรนิโครธะ คำอื่นที่ควรกล่าวยังมีอยู่อีก บุคคลผู้มีตบะ ย่อมถือมั่นตบะ       ย่อมถึง
ส่วน ๒ ในโภชนะทั้งหลายว่า สิ่งนี้ควรแก่เรา สิ่งนี้ไม่ควรแก่เรา ก็สิ่งใดแล     ไม่ควรแก่เขา
เขามุ่งละสิ่งนั้นเสีย แต่ส่วนสิ่งใดควรแก่เขา เขากำหนัด ลืมสติ        ติดสิ่งนั้น ไม่แลเห็นโทษ
ไม่มีปัญญาคิดสลัดออก บริโภคอยู่ แม้ข้อนี้แล ย่อมเป็นอุปกิเลสแก่บุคคลผู้มีตบะ ฯ
     ดูกรนิโครธะ คำอื่นที่ควรกล่าวยังมีอยู่อีก บุคคลผู้มีตบะ ย่อมถือมั่นตบะ     ด้วยคิดว่า
พระราชา มหาอำมาตย์ของพระราชากษัตริย์ พราหมณ์ คฤหบดี เดียรถีย์    จักสักการะเรา
เพราะเหตุแห่งความใคร่ลาภสักการะและความสรรเสริญ แม้ข้อ   นี้แล ย่อมเป็นอุปกิเลสแก่บุคคล
ผู้มีตบะ ฯ
     ดูกรนิโครธะ คำอื่นที่ควรกล่าวยังมีอยู่อีก บุคคลผู้มีตบะ ย่อมเป็นผู้ รุกรานสมณะหรือ
พราหมณ์อื่นแต่ที่ไหนๆ ว่า ก็ไฉน ผู้นี้เลี้ยงชีพด้วยวัตถุหลาย      อย่าง กินวัตถุทุกๆ อย่าง
คือพืชเกิดแต่เง่า พืชเกิดแต่ลำต้น พืชเกิดแต่ผลพืชเกิดแต่ยอด พืชเกิดแต่เมล็ดเป็นที่ครบ
ห้า ปลายฟันของผู้นี้คมประดุจสายฟ้า   คนทั้งหลายย่อมจำกันได้ด้วยวาทะว่าเป็นสมณะ แม้ข้อ
นี้แล ย่อมเป็นอุปกิเลสแก่              บุคคลผู้มีตบะ ฯ
     ดูกรนิโครธะ คำอื่นที่ควรกล่าวยังมีอยู่อีก บุคคลผู้มีตบะเห็นสมณะหรือ  พราหมณ์อื่น
ที่เขาสักการะ เคารพ นับถือ บูชาอยู่ในสกุลทั้งหลาย เขาดำริอย่างนี้ว่า      คนทั้งหลายย่อม
สักการะ เคารพ นับถือ บูชา สมณะหรือพราหมณ์ชื่อนี้แล    ผู้เลี้ยงชีพด้วยวัตถุหลายอย่าง
ในสกุลทั้งหลาย แต่ไม่สักการะ ไม่เคารพ ไม่นับถือ      ไม่บูชาเราผู้มีตบะ เลี้ยงชีพด้วยวัตถุ
เศร้าหมอง เขาเป็นผู้ให้ความริษยาและความตระ    หนี่เกิดขึ้นในสกุลทั้งหลาย ดังนี้ แม้ข้อ
นี้แล ย่อมเป็นอุปกิเลสแก่บุคคลผู้มีตบะ ฯ
     ดูกรนิโครธะ คำอื่นที่ควรกล่าวยังมีอยู่อีก บุคคลผู้มีตบะ เป็นผู้นั่งในที่ เป็นทางที่คน
แลเห็น แม้ข้อนี้แล ย่อมเป็นอุปกิเลสแก่บุคคลผู้มีตบะ ฯ