พระสุตตันตปิฎกไทย: 25/31/27      
      สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
      
     
 
    
        
          
            	แล้ว จากความรัก ภัยจักมีแต่ที่ไหน ความโศกย่อมเกิดแต่ความยินดี
	ภัยย่อมเกิดแต่ความยินดี ความโศกย่อมไม่มีแก่บุคคลผู้พ้นวิเศษแล้ว
	จากความยินดี ภัยจักมีแต่ที่ไหน ความโศกย่อมเกิดแต่กาม ภัยย่อมเกิด
	แต่กามความโศกย่อมไม่มีแก่บุคคลผู้พ้นวิเศษแล้วจากกาม ภัยจักมี
	แต่ที่ไหน ความโศกย่อมเกิดแต่ตัณหา ภัยย่อมเกิดแต่ตัณหาความโศก
	ย่อมไม่มีแก่บุคคลผู้พ้นวิเศษแล้วจากตัณหา ภัยจักมีแต่ที่ไหน ชนย่อม
	กระทำบุคคลผู้สมบูรณ์ด้วยศีลและทัศนะผู้ตั้งอยู่ในธรรม มีปกติ
	กล่าวคำสัจ ผู้ทำการงานของตน ให้เป็นที่รัก ภิกษุพึงเป็นผู้มีความ
	พอใจในนิพพานอันใครๆบอกไม่ได้ เป็นผู้อันใจถูกต้อง และเป็น
	ผู้มีจิตไม่เกี่ยวเกาะแล้วในกาม ภิกษุนั้นเรากล่าวว่าผู้มีกระแสในเบื้องบน
	ญาติมิตร และเพื่อนผู้มีใจดี ย่อมชื่นชมต่อบุรุษผู้จากไปสิ้นกาลนาน
	กลับมาแล้วโดยสวัสดี แต่ที่ไกล ว่ามาแล้ว บุญทั้งหลาย ย่อมต้อนรับ
	แม้บุคคลผู้ทำบุญไว้ ซึ่งจากโลกนี้ไปสู่โลกอื่น ดุจญาติต้อนรับญาติที่รัก
	ผู้มาแล้ว ฉะนั้น ฯ
	จบปิยวรรคที่ ๑๖
	คาถาธรรมบท โกธวรรคที่ ๑๗
 [๒๗] บุคคลพึงละความโกรธเสีย พึงละมานะเสีย พึงก้าวล่วงสังโยชน์เสีย
	ทั้งหมด ทุกข์ทั้งหลายย่อมไม่ตกตามบุคคลนั้นผู้ไม่ข้องอยู่ในนามรูป
	ไม่มีกิเลสเครื่องกังวล บุคคลใดแล พึงห้ามความโกรธที่เกิดขึ้นแล้ว
	ไว้ได้ ดุจบุคคลห้ามรถซึ่งกำลังแล่นไปได้ ฉะนั้น เรากล่าวบุคคลนั้น
	ว่าเป็นสารถี คนนอกนี้เป็นคนถือเชือก พึงชนะความโกรธด้วยความ
	ไม่โกรธ พึงชนะความไม่ดีด้วยความดี พึงชนะความตระหนี่ด้วยการให้
	พึงชนะคนมักกล่าวคำเหลาะแหละด้วยคำสัตย์ พึงกล่าวคำสัตย์ไม่พึง
	โกรธ แม้เมื่อมีของน้อย ถูกขอแล้วก็พึงให้ บุคคลพึงไปในสำนักแห่ง
	เทวดาทั้งหลาย เพราะเหตุ ๓ ประการนี้มุนีเหล่าใดผู้ไม่เบียดเบียน