พระสุตตันตปิฎกไทย: 25/311/356

สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
เล่ม 25
หน้า 311
ที่ได้ความสุขนั้น แม้เรานี้ก็พึงรักษาหญ้ามุงกระต่ายไว้ น่าติเตียนชีวิต ของเรา เราตายเสียในสงครามประเสริฐกว่า แพ้แล้วเป็นอยู่จะประเสริฐ อะไรสมณพราหมณ์บางพวกหยั่งลงแล้วในเสนาของท่านนี้ ย่อมไม่ ปรากฎ ส่วนผู้ที่มีวัตรงาม ย่อมไปโดยหนทางที่ชนทั้งหลายไม่รู้ เรา เห็นมารพร้อมด้วยพาหนะยกออกแล้วโดยรอบจึงมุ่งหน้าไปเพื่อรบ มาร อย่าได้ยังเราให้เคลื่อนจากที่ โลกพร้อมด้วยเทวโลกย่อมครอบงำเสนา ของท่านไม่ได้ เราจะทำลายเสนาของท่านเสียด้วยปัญญา เหมือนบุคคล ทำลายภาชนะดินทั้งดิบทั้งสุก ด้วยก้อนหิน ฉะนั้น เราจักกระทำ สัมมาสังกัปปะให้ชำนาญและดำรงสติให้ตั้งมั่นเป็นอันดี แล้วจักเที่ยว จากแคว้นนี้ไปยังแคว้นโน้น แนะนำสาวกเป็นอันมากสาวกผู้ไม่ประมาท เหล่านั้นมีใจเด็ดเดี่ยว กระทำตามคำสั่งสอนของเราจักถึงที่ซึ่งไม่มีความ ใคร่ ที่ชนทั้งหลายไปถึงแล้วย่อมไม่เศร้าโศก ฯ มารกล่าวคาถาว่า เราได้ติดตามรอยพระบาทของพระผู้มีพระภาคสิ้น ๗ ปี ไม่ได้ประสบ ช่องของพระสัมพุทธเจ้าผู้มีศิริ มารได้ไปตามลมรอบๆ ก้อนหินซึ่งมีสี คล้ายก้อนมันข้น ด้วยคิดว่า เราจะประสบความอ่อนโยนในพระโคดม นี้บ้าง ความสำเร็จประโยชน์พึงมีบ้าง มารไม่ได้ความพอใจในพระสัม พุทธเจ้าได้กลายเป็นลมหลีกไปด้วยคิดว่า เราถึงพระโคดมแล้วจะทำ ให้ทรงเบื่อพระทัยหลีกไป เหมือนกาถึงไสลบรรพตแล้วบินหลีกไป ฉะนั้น พิณของมารผู้ถูกความโศกครอบงำแล้ว ได้ตกจากรักแร้ ลำดับ นั้น มารนั้นเสียใจ ได้หายไปในที่นั้นนั่นแล ฯ จบปธานสูตรที่ ๒ สุภาษิตสูตรที่ ๓
[๓๕๖] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้