พระสุตตันตปิฎกไทย: 25/315/359

สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
เล่ม 25
หน้า 315
อกุศลวิตกด้วยหิริ รู้เหตุการณ์ได้โดยฉับพลันก็มี พราหมณ์ผู้มุ่งบุญพึง บูชา พึงหลั่งไทยธรรมในทักขิไณยบุคคลผู้ที่ฝึกตนด้วยสัจจะ ผู้ ประกอบด้วยการฝึกฝนอินทรีย์ ผู้ถึงที่สุดแห่งเวท ผู้อยู่จบพรหมจรรย์ ตามกาล ชนเหล่าใดละกามทั้งหลายได้แล้ว ไม่ยึดมั่นอะไรๆ เที่ยวไป มีตนสำรวมดีแล้ว เหมือนกระสวยที่ไปตรง ฉะนั้น พราหมณ์ผู้มุ่งบุญ พึงบูชา พึงหลั่งไทยธรรมในชนเหล่านั้นตามกาล ชนเหล่าใด ปราศจากราคะ มีอินทรีย์ตั้งมั่นดีแล้ว หลุดพ้นแล้วจากการจับของกิเลส เปล่งปลั่งอยู่ เหมือนพระจันทร์ที่พ้นแล้วจากการเบียดเบียนของราหู สว่างไสวอยู่ ฉะนั้น พราหมณ์พึงหลั่งไทยธรรมในชนเหล่านั้นตามกาล ชนเหล่าใดไม่เกี่ยวข้อง มีสติทุกเมื่อ ละนามรูป ที่คนพาลถือว่าเป็นของ เราได้แล้ว เที่ยวไปในโลก พราหมณ์พึงหลั่งไทยธรรมในชนเหล่านั้น ตามกาลพระตถาคตละกามทั้งหลายได้แล้ว ครอบงำกามทั้งหลาย เที่ยวไป รู้ที่สุดแห่งชาติและมรณะ ดับความเร่าร้อนได้แล้วเป็นผู้ เยือกเย็นเหมือนห้วงน้ำ ย่อมควรเครื่องบูชา พระตถาคตผู้เสมอด้วย พระพุทธเจ้าทั้งหลาย อยู่ห่างไกลจากบุคคลผู้ไม่เสมอทั้งหลาย เป็นผู้มี ปัญญาไม่มีที่สุด ผู้อันตัณหาทิฐิไม่ฉาบทาแล้วในโลกนี้หรือในโลกอื่น ย่อมควรเครื่องบูชา พระตถาคตผู้เป็นพราหมณ์ ไม่มีมายา ไม่มีมานะ ปราศจากความโลภ ไม่ยึดถือในสัตว์และสังขารว่าเป็นของเรา หาความ หวังมิได้ บรรเทาความโกรธแล้วมีตนดับความเร่าร้อนได้แล้ว ละมลทิน คือ ความโศกเสียได้ ย่อมควรเครื่องบูชา พระตถาคตละ ตัณหาและทิฐิที่อยู่ประจำใจได้แล้ว ไม่มีตัณหาและทิฐิอะไรๆ ไม่ถือ มั่นในโลกนี้หรือในโลกอื่น ย่อมควรเครื่องบูชา พระตถาคตมีจิตตั้งมั่น แล้ว ข้ามโอฆะได้แล้ว และได้รู้ธรรมด้วยทิฐิอย่างยิ่ง มีอาสวะสิ้น แล้ว ทรงไว้ซึ่งร่างกายอันมีในที่สุด ย่อมควรเครื่องบูชา ภวาสวะและ วาจาหยาบคายอันพระตถาคตกำจัดได้แล้ว ทำให้สิ้นสูญ ไม่มีอยู่ พระตถาคตผู้ถึงเวท พ้นวิเศษแล้วในธรรมทั้งปวง ย่อมควรเครื่องบูชา