พระสุตตันตปิฎกไทย: 25/317/360
สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
ผู้มีความคนองสงบแล้ว ด้วยข้าวน้ำอย่างอื่นเถิด เพราะว่าเขตนั้นเป็น
เขตของบุคคลผู้มุ่งบุญ ฯ
พราหมณ์ทูลว่า
ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ขอประทานวโรกาส ข้าพระองค์ถึงคำสั่งสอนของ
พระองค์แล้ว พึงรู้แจ่มแจ้งอย่างที่พระองค์ตรัสบอก ขอพระองค์จงทรง
แสดงทักขิไณยบุคคลผู้บริโภคทักขิณาของบุคคลผู้เช่นด้วยข้าพระองค์
ที่ข้าพระองค์จะพึงแสวงหาบำรุงอยู่ ในกาลแห่งยัญ แก่ข้าพระองค์เถิด ฯ
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ท่านจงกำจัดความสยิ้วหน้า จงประคองอัญชลีนอบน้อมผู้ที่ปราศจาก
ความแข่งดี ผู้มีจิตไม่ขุ่นมัว หลุดพ้นแล้วจากกามทั้งหลาย บรรเทา
ความง่วงเหงาเสียแล้ว นำกิเลสออกเสียได้ ผู้ฉลาดในชาติและมรณะ
ผู้นั้นเป็นมุนี สมบูรณ์ด้วยปัญญา ผู้มาแล้วสู่ยัญเช่นนั้น จงบูชาด้วย
ข้าวและน้ำเถิด ทักขิณาย่อมสำเร็จได้ด้วยอาการอย่างนี้ ฯ
พราหมณ์ทูลว่า
พระองค์เป็นพระพุทธเจ้า ผู้ที่บุคคลควรบูชาในโลกทั้งปวงเป็นบุญ
เขตอย่างยอดเยี่ยม ย่อมควรเครื่องบูชา ทานที่บุคคลถวายแล้วแด่
พระองค์ เป็นทานมีผลมาก ฯ
[๓๖๐] ลำดับนั้นแล สุนทริกภารทวาชพราหมณ์ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่
พระโคดมผู้เจริญ ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ภาษิตของพระองค์
แจ่มแจ้งนัก พระองค์ทรงประกาศธรรมโดยอเนกปริยาย เปรียบเหมือนหงายของที่คว่ำ เปิดของ
ที่ปิด บอกทางแก่ผู้หลงทาง หรือตามประทีปไว้ในที่มืดด้วยหวังว่า ผู้มีจักษุจักเห็นรูปได้ฉะนั้น
ข้าพระองค์นี้ขอถึงพระองค์ กับทั้งพระธรรมและพระภิกษุสงฆ์ว่าเป็นสรณะ ข้าพระองค์พึงได้
บรรพชาอุปสมบทในสำนักของพระองค์เถิด สุนทริกภารทวาชพราหมณ์ได้บรรพชาอุปสมบทใน
สำนักของพระผู้มีพระภาค ฯลฯ ก็ท่านสุนทริกภารทวาชะได้เป็นพระอรหันต์รูปหนึ่ง ในจำนวน
พระอรหันต์ทั้งหลาย ฉะนั้นแล ฯ
จบสุนทริกภารทวาชสูตรที่ ๔