พระสุตตันตปิฎกไทย: 25/319/362
สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
ม. ผู้ใดเป็นคฤหัสถ์ ควรแก่การขอ เป็นทานบดี มีความต้องการบุญ มุ่ง
บุญ ให้ข้าวน้ำบูชาแก่ชนเหล่าอื่นในโลกนี้ ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ขอ
พระองค์ทรงบอกทักขิไณยบุคคลแก่ข้าพระองค์เถิด ฯ
พ. ชนเหล่าใดแลไม่เกี่ยวข้อง หาเครื่องกังวลมิได้ สำเร็จกิจแล้ว มีจิต
คุ้มครองแล้ว เที่ยวไปในโลก พราหมณ์ผู้มุ่งบุญพึงหลั่งไทยธรรม
บูชาในชนเหล่านั้นตามกาล ชนเหล่าใดตัดกิเลสเครื่องผูกพันคือสัง
โยชน์ได้ทั้งหมด ฝึกตนแล้ว เป็นผู้พ้นเด็ดขาด ไม่มีทุกข์ ไม่มี
ความหวัง พราหมณ์ผู้มุ่งบุญพึงหลั่งไทยธรรม บูชาในชนเหล่านั้น
ตามกาล ชนเหล่าใดพ้นเด็ดขาดจากสังโยชน์ทั้งหมด ฝึกตนแล้ว เป็น
ผู้หลุดพ้นแล้ว ไม่มีทุกข์ ไม่มีความหวัง พราหมณ์พึงหลั่งไทยธรรม
บูชาในชนเหล่านั้นตามกาล ชนเหล่าใดละราคะ โทสะและโมหะได้
แล้ว มีอาสวะสิ้นแล้ว อยู่จบพรหมจรรย์พราหมณ์พึงหลั่งไทยธรรม
บูชาในชนเหล่านั้นตามกาล ชนเหล่าใดไม่มีมายา ไม่มีความถือตัว มี
อาสวะสิ้นแล้ว อยู่จบพรหมจรรย์ พราหมณ์พึงหลั่งไทยธรรมในชน
เหล่านั้นตามกาล ชนเหล่าใดปราศจากความโลภ ไม่ยึดถืออะไรๆ ว่า
เป็นของเรา ไม่มีความหวัง มีอาสวะสิ้นแล้ว อยู่จบพรหมจรรย์
พราหมณ์พึงหลั่งไทยธรรมบูชาในชนเหล่านั้นตามกาลชนเหล่าใดแล
ไม่น้อมไปในตัณหาทั้งหลาย ข้ามโอฆะได้แล้วไม่ยึดถืออะไรๆ ว่า
เป็นของเรา เที่ยวไปอยู่ พราหมณ์พึงหลั่งไทยธรรมบูชาในชนเหล่านั้น
ตามกาล ชนเหล่าใดไม่มีตัณหาเพื่อเกิดในภพใหม่ ในโลกไหนๆ คือ
ในโลกนี้หรือในโลกอื่น พราหมณ์พึงหลั่งไทยธรรมบูชาในชนเหล่านั้น
ตามกาล ชนเหล่าใดละกามทั้งหลายได้แล้ว ไม่ยึดถืออะไรเที่ยวไป
มีตนสำรวมดีแล้ว เหมือนกระสวยที่ตรงไปฉะนั้น พราหมณ์พึงหลั่ง
ไทยธรรมบูชาในชนเหล่านั้นตามกาลชนเหล่าใดปราศจากความกำหนัด
มีอินทรีย์ตั้งมั่นดีแล้วพ้นจากการจับแห่งกิเลส เปล่งปลั่งอยู่ เหมือน
พระจันทร์พ้นแล้วจากราหูจับ สว่างไสวอยู่ฉะนั้น พราหมณ์พึงหลั่ง
ไทยธรรมบูชาในชนเหล่านั้นตามกาล ชนเหล่าใดมีกิเลสสงบแล้ว