พระสุตตันตปิฎกไทย: 25/321/363 364

สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
เล่ม 25
หน้า 321
พรหม ข้าพระองค์ขออ้างเป็นพยานในวันนี้ เพราะพระองค์เป็นผู้เสมอ ด้วยพรหมของข้าพระองค์จริงๆ (ข้าแต่พระองค์ผู้มีความรุ่งเรือง)บุคคล จะเข้าถึงพรหมโลกได้อย่างไร ฯ พ. (ดูกรมาฆะ) ผู้ใดย่อมบูชายัญครบทั้ง ๓ อย่าง ผู้เช่นนั้นพึงให้ทักขิไณย บุคคลทั้งหลายยินดีได้ เราย่อมกล่าวผู้นั้นว่าเป็นผู้ควรแก่การขอ ครั้น บูชาโดยชอบอย่างนั้นแล้ว ย่อมเข้าถึงพรหมโลก ฯ
[๓๖๓] เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว มาฆมาณพได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก ฯลฯขอพระองค์ทรงจำข้าพระองค์ว่า เป็นอุบาสกผู้ถึงสรณะตลอดชีวิต ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฯ จบมาฆสูตรที่ ๕ สภิยสูตรที่ ๖
[๓๖๔] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเวฬุวัน กลันทกนิวาปสถาน ใกล้พระนครราชคฤห์ ก็สมัยนั้นแล เทวดาผู้เป็นสาโลหิตเก่าของสภิยปริพาชก ได้แสดง ปัญญาขึ้นว่า ดูกรสภิยะ สมณะหรือพราหมณ์ผู้ใด ท่านถามปัญหาเหล่านี้แล้วย่อมพยากรณ์ได้ ท่านพึงประพฤติพรหมจรรย์ในสำนักของสมณะหรือพราหมณ์ผู้นั้นเถิด ลำดับนั้นแล สภิยปริพาชก เรียนปัญหาในสำนักของเทวดานั้นแล เข้าไปหาสมณพราหมณ์ทั้งหลายผู้เป็นเจ้าหมู่เจ้าคณะ เป็น คณาจารย์ มีชื่อเสียง มีเกียรติยศ เป็นเจ้าลัทธิ ชนส่วนมากยกย่องว่าดี คือปูรณกัสสป มักขลิโคสาล อชิตเกสกัมพล ปกุทธกัจจายนะ สญชัยเวฬัฏฐบุตร นิครนถ์นาฏบุตร แล้วจึง ถามปัญหาเหล่านั้น สมณพราหมณ์เหล่านั้นอันสภิยปริพาชกถามปัญหาแล้ว แก้ไม่ได้ เมื่อแก้ ไม่ได้ ย่อมแสดงความโกรธความขัดเคือง และความไม่พอใจให้ปรากฎ ทั้งยังกลับถาม สภิยปริพาชกอีก ครั้งนั้นแล สภิยปริพาชกมีความดำริว่า ท่านสมณพราหมณ์ทั้งหลายผู้เป็น