พระสุตตันตปิฎกไทย: 25/326/370 371

สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
เล่ม 25
หน้า 326
ทั้งภายในทั้งภายนอกได้แล้ว หลุดพ้นแล้วจากเครื่องผูกอันเป็นรากเง่า แห่งธรรมเป็นเครื่องข้องทั้งปวง ผู้คงที่ เห็นปานนั้น ผู้นั้นบัณฑิต กล่าวว่าเป็นผู้ชื่อว่าอาชาไนย
[๓๗๐] ลำดับนั้น สภิยปริพาชก ฯลฯ ได้ทูลถามปัญหาข้อต่อไปกะพระผู้มี พระภาคว่า บัณฑิตกล่าวบุคคลผู้บรรลุอะไร ว่าผู้ทรงพระสูตร กล่าวบุคคลว่าเป็น อริยะด้วยอาการอย่างไร กล่าวบุคคลว่าผู้มีจรณะด้วยอาการอย่างไร และ บุคคลบัณฑิตกล่าวว่าเป็นผู้ชื่อว่าปริพาชกด้วยอาการอย่างไร ข้าแต่ พระผู้มีพระภาค พระองค์อันข้าพระองค์ทูลถามแล้ว ขอจงตรัส พยากรณ์แก่ข้าพระองค์เถิด ฯ พระผู้มีพระภาคตรัสพยากรณ์ว่า ดูกรสภิยะ บัณฑิตกล่าวบุคคลผู้ฟังแล้ว รู้ยิ่งธรรมทั้งมวล ครอบงำธรรมที่มีโทษ และไม่มีโทษอะไรๆ อันมีอยู่ในโลกเสียได้ ไม่มีความสงสัย หลุด พ้นแล้ว ไม่มีทุกข์ในธรรมมีขันธ์และอายตนะเป็นต้นทั้งปวง ว่าผู้ทรง พระสูตร บุคคลนั้นรู้แล้วตัดอาลัย (และ) อาสวะได้แล้ว ย่อมไม่ เข้าถึงการนอนในครรภ์ บรรเทาสัญญา ๓ อย่าง และเปือกตม คือ กามคุณแล้วย่อมไม่มาสู่กัป บัณฑิตกล่าวว่าเป็นอริยะ ผู้ใดในศาสนานี้ เป็นผู้บรรลุธรรมที่ควรบรรลุเพราะจรณะ เป็นผู้ฉลาด รู้ธรรมได้ในกาล ทุกเมื่อ ไม่ข้องอยู่ในธรรมมีขันธ์เป็นต้นทั้งปวง มีจิตหลุดพ้นแล้ว ไม่มีปฏิฆะ ผู้นั้นบัณฑิตกล่าวว่าผู้มีจรณะ ผู้ใดขับไล่กรรมอันมีทุกข์ เป็นผล ซึ่งมีอยู่ ทั้งที่เป็นอดีต อนาคต และเป็นปัจจุบันได้แล้ว มีปรกติกำหนดด้วยปัญญาเที่ยวไป กระทำมายากับทั้งมานะ ความโลภ ความโกรธ และนามรูปให้มีที่สุดได้แล้ว ผู้นั้นบัณฑิตกล่าวว่าปริพาชก ผู้บรรลุธรรมที่ควรบรรลุ ฯ
[๓๗๑] ลำดับนั้น สภิยปริพาชก ชื่นชมอนุโมทนาภาษิตของพระผู้มีพระภาคแล้ว มีใจชื่นชม เฟื่องฟู เบิกบาน เกิดปีติโสมนัส ลุกจากอาสนะ กระทำผ้าอุตราสงค์เฉวียงบ่า