พระสุตตันตปิฎกไทย: 14/328/677 678 679      
      สุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์
      
     
 
    
        
          
              ถึงพร้อมด้วยวิชชาและ  จรณะ  ดำเนินไปดี  รู้แจ้งโลก  เป็นสารถีผู้ฝึกบุรุษที่ควรฝึกอย่างหาคนอื่น
ยิ่งกว่ามิได้เป็นครูของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย  เป็นผู้ตื่นแล้ว  เป็นผู้แจกธรรม  ดังนี้  ข้าพเจ้า
บวชอุทิศพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น  และพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น  เป็นศาสดาของข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าชอบใจธรรมของพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น  ฯ
	พ.  ดูกรภิกษุ  ก็เดี๋ยวนี้  พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธพระองค์นั้นประทับอยู่
ที่ไหน  ฯ
	ปุ.  ดูกรท่านผู้มีอายุ  มีพระนครชื่อว่าสาวัตถีอยู่ในชนบท  ทางทิศเหนือ  เดี๋ยวนี้
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธพระองค์นั้น  ประทับอยู่ที่นั่น  ฯ
	พ.  ดูกรภิกษุ  ก็ท่านเคยเห็นพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้นหรือ  และท่านเห็นแล้วจะ
รู้จักไหม  ฯ
	ปุ.  ดูกรท่านผู้มีอายุ  ข้าพเจ้าไม่เคยเห็นพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้นเลย  ถึงเห็นแล้ว
ก็ไม่รู้จัก  ฯ
 [๖๗๗]  ลำดับนั้น  พระผู้มีพระภาคได้มีพระดำริดังนี้ว่า  กุลบุตรนี้บวช  อุทิศเรา  เราควร
จะแสดงธรรมแก่เขา  ต่อนั้น  พระองค์จึงตรัสเรียกท่านปุกกุสาติว่าดูกรภิกษุ  เราจักแสดง
ธรรมแก่ท่าน  ท่านจงฟังธรรมนั้น  จงใส่ใจให้ดี  เราจัก  กล่าวต่อไป  ท่านปุกกุสาติทูลรับพระผู้มี
พระภาคว่า  ชอบแล้ว  ท่านผู้มีอายุ  ฯ
 [๖๗๘]  พระผู้มีพระภาคจึงได้ตรัสดังนี้ว่า  ดูกรภิกษุ  คนเรานี้มีธาตุ  ๖ มีแดนสัมผัส  ๖
มีความหน่วงนึกของใจ  ๑๘  มีธรรมที่ควรตั้งไว้ในใจ  ๔  อันเป็น  ธรรมที่ผู้ตั้งอยู่แล้ว  ไม่มีกิเลส
เครื่องสำคัญตนและกิเลสเครื่องหมักหมมเป็นไปก็เมื่อกิเลสเครื่องสำคัญตนและกิเลสเครื่อง
หมักหมม  ไม่เป็นไปอยู่  บัณฑิตจะเรียกเขาว่า  มุนีผู้สงบแล้ว  ไม่พึงประมาทปัญญา  พึงตาม
รักษาสัจจะ  พึงเพิ่มพูนจาคะพึงศึกษาสันติเท่านั้น  นี้อุเทศแห่งธาตุวิภังค์หก  ฯ
 [๖๗๙]  ก็ข้อที่เรากล่าวดังนี้ว่า  ดูกรภิกษุ  คนเรานี้มีธาตุ  ๖  นั่น  เราอาศัย  อะไรกล่าวแล้ว
ดูกรภิกษุ  ธาตุนี้มี  ๖  อย่าง  คือ  ปฐวีธาตุ  อาโปธาตุ  เตโชธาตุ   วาโยธาตุ  อากาสธาตุ
วิญญาณธาตุ  ข้อที่เรากล่าวดังนี้ว่า  ดูกรภิกษุ  คนเรานี้มีธาตุ  ๖  นั่น  เราอาศัยธาตุดังนี้
กล่าวแล้ว  ฯ