พระสุตตันตปิฎกไทย: 15/33/131 132 133
สุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค
ปฐมปัชชุนนธีตุสูตรที่ ๙
[๑๓๑] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ กูฏาคารศาลาในป่ามหาวัน เขตพระนคร
เวสาลี ครั้งนั้นแล เมื่อปฐมยามล่วงไปแล้ว ธิดาของท้าวปัชชุนนะ ชื่อโกกนทา มีวรรณิอัน
งาม ยังป่ามหาวันทั้งสิ้นให้สว่าง เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค ถึงที่ประทับ ครั้นแล้วจึง
ถวายอภิวาท แล้วยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ฯ
[๑๓๒] ธิดาของท้าวปัชชุนนะ ชื่อโกกนทา ครั้นยืนอยู่ ณ ที่ควร ส่วนข้างหนึ่งแล้ว ได้
กล่าวคาถาทั้งหลายนี้ในสำนักพระผู้มีพระภาคว่า
หม่อมฉันชื่อว่าโกกนทา เป็นธิดาของท้าวปัชชุนนะ ย่อมไหว้เฉพาะ
พระสัมพุทธเจ้าผู้เลิศกว่าสัตว์ ผู้เสด็จอยู่ในป่า เขตพระนครเวสาลี
สุนทรพจน์ว่า ธรรมอันพระสัมพุทธเจ้าผู้มีพระปัญญาจักษุ ตามตรัสรู้
แล้วดังนี้ หม่อมฉันได้ยินแล้วในกาลก่อน แท้จริง หม่อมฉันนั้น
เมื่อพระสุคตผู้เป็นมุนีทรงแสดงอยู่ ย่อมรู้ประจักษ์ในกาลนี้ ชนเหล่า
ใดเหล่าหนึ่งมีปัญญาทราม ติเตียนธรรมอันประเสริฐเที่ยวไปอยู่ ชน
เหล่านั้น ย่อมเข้าถึงโรรุวนรกอันร้ายกาจ ประสบทุกข์ตลอดกาลนาน
ส่วนชนทั้งหลายเหล่าใดแล ประกอบด้วยความอดทนและความสงบใน
ธรรมอันประเสริฐ ชนทั้งหลายเหล่านั้น ละร่างกายอันเป็นของมนุษย์
แล้วจักยังหมู่เทวดาให้บริบูรณ์ ฯ
ทุติยปัชชุนนธีตุสูตรที่ ๑๐
[๑๓๓] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ กูฏาคารศาลาในป่ามหาวัน เขตพระนคร
เวสาลี ครั้งนั้นแล เมื่อปฐมยามล่วงไปแล้ว ธิดาของท้าวปัชชุนนะ ชื่อจุลลโกกนทา มีวรรณงาม