พระสุตตันตปิฎกไทย: 25/33/28

สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
เล่ม 25
หน้า 33
ของพระยายม อนึ่ง ที่พักในระหว่างของท่านก็ยังไม่มี และเสบียงเดิน ทางของท่านก็ยังไม่มี ท่านจงทำที่พึ่งแก่ตน จงรีบพยายาม จงเป็น บัณฑิต ท่านเป็นผู้มีมลทินอันขจัดแล้ว ไม่มีกิเลสเครื่องยียวน จักไม่เข้า ถึงชาติและชราอีก นักปราชญ์ทำกุศลทีละน้อยๆ ในขณะๆ พึงขจัดมลทิน ของตนออกได้โดยลำดับ เหมือนช่างทองขจัดมลทินของทอง ฉะนั้น สนิมเกิดขึ้นแต่เหล็กเอง ครั้นเกิดขึ้นแต่เหล็กนั้นแล้ว ย่อมกัดเหล็กนั้น แหละ ฉันใด กรรมของตนย่อมนำบุคคลผู้มักประพฤติล่วงปัญญาชื่อ โธนา ไปสู่ทุคติ ฉันนั้น มนต์มีอันไม่ท่องบ่นเป็นมลทิน เรือนมีการ ไม่หมั่นเป็นมลทิน ความเกียจคร้านเป็นมลทินของผิวพรรณ ความ ประมาทเป็นมลทินของผู้รักษา ความประพฤติชั่วเป็นมลทินของหญิง ความตระหนี่เป็นมลทินของผู้ให้ ธรรมทั้งหลายที่ลามกเป็นมลทินแท้ ทั้ง ในโลกนี้ทั้งในโลกหน้า เราจะบอกมลทินกว่ามลทินนั้น คืออวิชชาเป็น มลทินอย่างยิ่ง ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายละมลทินนี้เสียแล้ว จง เป็นผู้ไม่มีมลทินเถิด บุคคลผู้ไม่มีหิริกล้าเพียงดังกา มักขจัด มักแล่น ไป ผู้คะนอง เป็นผู้เศร้าหมองเป็นอยู่ง่าย ส่วนบุคคลผู้มีหิริ มีปกติ แสวงหาความสะอาดเป็นนิตย์ ไม่หดหู่ ไม่คะนอง มีอาชีวะหมดจด เห็นอยู่เป็นอยู่ยาก นรชนใดย่อมล้างผลาญสัตว์มีชีวิต ถือเอาสิ่งของที่ เจ้าของไม่ได้ให้ในโลก คบหาภริยาคนอื่น กล่าวคำเท็จ และประกอบ การดื่มสุราเมรัยเนืองๆ นรชนนี้ย่อมขุดทรัพย์อันเป็นต้นทุนของตนใน โลกนี้แล ดูกรบุรุษผู้เจริญท่านจงรู้อย่างนี้ว่า บาปธรรมทั้งหลายอัน บุคคลไม่สำรวมแล้วความโลภและสภาวะมิใช่ธรรม อย่าพึงย่ำยีท่านเพื่อ ทุกข์สิ้นกาลนาน ชนย่อมให้ตามศรัทธาตามความเลื่อมใสโดยแท้บุคคล ใดย่อมเป็นผู้เก้อเขินในเพราะน้ำและข้าว ของชนเหล่าอื่นนั้น บุคคล นั้นย่อมไม่บรรลุสมาธิ ในกลางวันหรือกลางคืน ส่วนผู้ใดตัดความเป็นผู้ เก้อเขินนี้ได้ขาด ถอนขึ้นให้รากขาดแล้ว ผู้นั้นแลย่อมบรรลุสมาธิ ใน กลางวันหรือกลางคืน ไฟเสมอด้วยราคะไม่มี ผู้จับเสมอด้วยโทสะไม่