พระสุตตันตปิฎกไทย: 25/332/377
สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
ลักษณะ ๓๒ ประการของเราโดยมาก เว้นอยู่ ๒ ประการ คือ คุยหะเร้นอยู่ในฝัก ๑ ชิวหา
ใหญ่ ๑จึงยังเคลือบแคลงสงสัยไม่เชื่อไม่เลื่อมใสในมหาปุริสลักษณะ ๒ ประการ ทันใดนั้น
พระผู้มีพระภาคทรงบันดาลอิทธาภิสังขาร ให้เสลพราหมณ์ได้เห็นพระคุยหะเร้นอยู่ฝัก และ
ทรงแลบพระชิวหาสอดเข้าช่องพระกรรณทั้ง ๒ กลับไปมาสอดเข้าช่องพระนาสิกทั้ง ๒ กลับไป
มา แผ่ปิดมณฑลพระนลาต เสลพราหมณ์คิดว่าพระสมณโคดม ทรงประกอบด้วยมหาปุริสลักษณะ
๓๒ ประการบริบูรณ์ไม่บกพร่อง แต่เราไม่ทราบว่า พระองค์เป็นพระพุทธเจ้าหรือไม่ ก็แลเรา
ได้ฟังคำของพราหมณ์ทั้งหลายผู้แก่เฒ่าผู้เป็นอาจารย์และปาจารย์กล่าวอยู่ว่า พระผู้มีพระภาค
เป็นผู้พระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลาย ย่อมทรงทำพระองค์ให้ปรากฎในเมื่อบุคคลกล่าว
ถึงคุณของพระองค์ ถ้ากระไรเราพึงชมเชยพระสมณโคดมเฉพาะพระพักตร์ด้วยคาถาอันสมควร ฯ
ลำดับนั้นแล เสลพราหมณ์ได้ชมเชยพระผู้มีพระภาคเฉพาะพระพักตร์ด้วยคาถาอัน
สมควรว่า
ข้าแต่พระผู้มีพระภาค พระองค์มีพระกายบริบูรณ์ สวยงามประสูติดี
แล้ว มีพระเนตรงาม มีพระฉวีวรรณดุจทองคำมีพระเขี้ยวขาวดี มี
ความเพียร อวัยวะใหญ่น้อยเหล่าใดมีแก่คนผู้เกิดดีแล้ว อวัยวะ
ใหญ่น้อยเหล่านั้นทั้งหมดในพระกายของพระองค์เป็นมหาปุริสลักษณะ
พระองค์มีพระเนตรแจ่มใส มีพระพักตร์งาม มีกายใหญ่ตรง มีรัศมี
รุ่งเรืองอยู่ในท่ามกลางสมณสงฆ์ดังพระอาทิตย์ พระองค์เป็นภิกษุมีพระ
เนตร์งาม มีพระฉวีวรรณงามเปล่งปลั่งดังทองคำประโยชน์อะไรด้วย
ความเป็นสมณะของพระองค์ผู้มีวรรณะอันอุดมอย่างนี้ พระองค์ควรเป็น
พระเจ้าจักรพรรดิ์ผู้ประเสริฐในราชสมบัติ ผู้เป็นใหญ่ในแผ่นดินมี
มหาสมุทร ๔ เป็นขอบเขต ผู้ทรงชนะแล้ว ผู้เป็นใหญ่ในชมพูทวีปมี
กษัตริย์ประเทศราชตามเสด็จ ข้าแต่พระโคดม ขอพระองค์ทรงเป็น
พระราชาที่พระราชาทรงบูชา เป็นจอมมนุษย์ ครองราชสมบัติเถิด ฯ
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
[๓๗๗] ดูกรเสลพราหมณ์ เราเป็นพระราชาชั้นเยี่ยมเป็นพระธรรมราชา เรายัง
จักรที่ใครๆ พึงให้เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปโดยธรรม ฯ
เสลพราหมณ์กราบทูลว่า