พระสุตตันตปิฎกไทย: 18/337/630 631
สุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค
ด่าบุคคลทั้งปวงผู้มีตบะ ทรงชีพอยู่อย่างเศร้าหมอง โดยส่วนเดียว ดังนี้ ชนเหล่านั้นเป็นอัน
กล่าวตามคำที่พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว จะไม่กล่าวตู่พระผู้มีพระภาคด้วยคำอันไม่จริง และพยากรณ์
ธรรมสมควรแก่ธรรม ทั้งการคล้อยตามวาทะที่ถูกไรๆ จะไม่ถึงฐานะอันวิญญูชนพึงติเตียนได้
แลหรือ พระเจ้าข้า ฯ
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรนายคามณี ชนเหล่าใดได้กล่าวแล้วอย่างนี้ว่า พระสมณ
โคดมติเตียนตบะทั้งปวง เข้าไปว่า เข้าไปด่าบุคคลทั้งปวงผู้มีตบะทรงชีพอยู่อย่างเศร้าหมอง
โดยส่วนเดียว ดังนี้ ชนเหล่านั้นย่อมไม่เป็นอันกล่าวตามคำที่เรากล่าวแล้ว และกล่าวตู่เราด้วย
คำเท็จ ไม่เป็นจริง ฯ
[๖๓๐] ดูกรนายคามณี บรรพชิตไม่ควรเสพส่วนสุด ๒ อย่างนี้ คือ ๑. การประกอบ
ตนให้พัวพันด้วยกามสุขในกามทั้งหลาย อันเป็นธรรมเลวทรามเป็นของชาวบ้าน เป็นของปุถุชน
ไม่ใช่เป็นของพระอริยะ ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ ๒. การประกอบตนให้เหน็ดเหนื่อยลำบาก
เปล่า ซึ่งเป็นทุกข์ ไม่ใช่เป็นของพระอริยะ ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ ดูกรนายคามณี ข้อ
ปฏิบัติสายกลาง ไม่เข้าไปใกล้ส่วนสุด ๒ อย่างนั้น อันพระตถาคตตรัสรู้ด้วยปัญญาอันยิ่งแล้ว
กระทำให้เกิดจักษุ กระทำให้เกิดญาณ ย่อมเป็นไปเพื่อความสงบระงับเพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อตรัสรู้
เพื่อนิพพาน ดูกรนายคามณี ก็ข้อปฏิบัติสายกลางอันพระตถาคตตรัสรู้ด้วยปัญญาอันยิ่ง
แล้ว กระทำให้เกิดจักษุ กระทำให้เกิดญาณย่อมเป็นไปเพื่อความสงบระงับ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อ
ตรัสรู้ เพื่อนิพพานนั้นเป็นไฉน คืออริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ นี้แล คือ สัมมาทิฐิ ฯลฯ
สัมมาสมาธิ ดูกรนายคามณี ข้อปฏิบัติสายกลางนี้แล อันตถาคตตรัสรู้ด้วยปัญญาอันยิ่งแล้ว
กระทำให้เกิดจักษุ กระทำให้เกิดญาณ ย่อมเป็นไปเพื่อความสงบระงับ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อตรัสรู้
เพื่อนิพพาน ฯ
[๖๓๑] ดูกรนายคามณี บุคคลผู้บริโภคกาม ๓ จำพวกนี้ มีปรากฏอยู่ในโลก ๓ จำพวก
เป็นไฉน คือ บุคคลบริโภคกามบางคนในโลกนี้ แสวงหาทรัพย์โดยไม่ชอบธรรม โดย