พระสุตตันตปิฎกไทย: 25/341/382
สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
ว่าเป็นพราหมณ์ เรากล่าวผู้ไม่มีความอาลัย รู้แล้วทั่วถึง ไม่มีความ
สงสัย หยั่งลงสู่นิพพาน ได้บรรลุแล้วโดยลำดับ ว่าเป็นพราหมณ์
เรากล่าวผู้ละทิ้งบุญและบาปทั้ง ๒ ล่วงธรรมเป็นเครื่องข้องได้แล้ว ไม่
มีความเศร้าโศก ปราศจากธุลี บริสุทธิ์แล้วว่าเป็นพราหมณ์ เรากล่าวผู้
มีความยินดีในภพหมดสิ้นแล้วผู้บริสุทธิ์ มีจิตผ่องใส ไม่ขุ่นมัวดุจ
พระจันทร์ที่ปราศจากมลทิน ว่าเป็นพราหมณ์ เรากล่าวผู้ล่วงทางอ้อม
หล่มสงสาร โมหะเสียได้ เป็นผู้ข้ามถึงฝั่ง เพ่งฌาน ไม่หวั่นไหว
ไม่มีความสงสัย ดับกิเลสได้แล้วเพราะไม่ถือมั่นว่าเป็นพราหมณ์ เรา
กล่าวผู้ละกามในโลกนี้ได้เด็ดขาดเป็นผู้ไม่มีเรือน บวชเสียได้ มี
กามราคะหมดสิ้นแล้ว ว่าเป็นพราหมณ์ เรากล่าวผู้ละตัณหาในโลกนี้ได้
เด็ดขาด เป็นผู้ไม่มีเรือน งดเว้น มีตัณหาและภพหมดสิ้นแล้ว ว่า
เป็นพราหมณ์ เรากล่าวผู้ละโยคะที่เป็นของมนุษย์ แล้วล่วงโยคะที่
เป็นของทิพย์เสียได้ ผู้พรากแล้วจากโยคะทั้งปวงว่าเป็นพราหมณ์ เรา
กล่าวผู้ละความยินดีและความไม่ยินดีเป็นผู้เยือกเย็น หาอุปธิมิได้
ผู้ครอบงำโลกทั้งปวง มีความเพียร ว่าเป็นพราหมณ์ เรากล่าวผู้รู้จุติ
และอุปบัติของสัตว์ทั้งหลาย โดยอาการทั้งปวง ผู้ไม่ข้อง ไปดี ตรัสรู้
แล้วว่าเป็นพราหมณ์ เรากล่าวผู้ที่เทวดา คนธรรพ์ และมนุษย์รู้คติไม่
ได้ ผู้สิ้นอาสวะแล้ว เป็นพระอรหันต์ ว่าเป็นพราหมณ์เรากล่าวผู้ไม่
มีเครื่องกังวลในขันธ์ทั้งที่เป็นอดีต อนาคตและปัจจุบัน ไม่มีเครื่อง
กังวล ไม่ยึดถือ ว่าเป็นพราหมณ์เรากล่าวผู้องอาจ ประเสริฐ เป็น
นักปราชญ์ แสวงหาคุณใหญ่ชนะมาร ไม่มีความหวั่นไหว ล้างกิเลส
หมด ตรัสรู้แล้ว ว่าเป็นพราหมณ์ เรากล่าวผู้ระลึกชาติก่อนๆ ได้
เห็นสวรรค์และอบาย และถึงความสิ้นไปแห่งชาติแล้ว ว่าเป็นพราหมณ์
นามและโคตรที่เขากำหนดกัน เป็นบัญญัติในโลก นามและโคตรมา
แล้วเพราะการรู้ตามกันมา ญาติสาโลหิตทั้งหลาย กำหนดไว้ในกาลที่
บุคคลเกิดแล้วนั้นๆนามและโคตรที่กำหนดกันแล้วนี้ เป็นความเห็น
ของพวกคนผู้ไม่รู้ ซึ่งสืบเนื่องกันมาสิ้นกาลนาน พวกคนผู้ไม่รู้ย่อม