พระสุตตันตปิฎกไทย: 25/346/388
สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
ครอบอยู่โดยรอบมิดชิดในทิศทั้งปวง และยังมีป่าไม้มีใบเป็นดาบคม
สัตว์นรกทั้งหลายย่อมเข้าไปสู่ป่าไม้ ถูกดาบใบไม้ตัดหัวขาด พวกนาย
นิรยบาล เอาเบ็ดเกี่ยวลิ้นออกแล้ว ย่อมเบียดเบียนด้วยการดึงออกมาๆ
ก็ลำดับนั้น สัตว์นรกทั้งหลายย่อมเข้าถึงแม่น้ำด่างอันเป็นหล่ม ย่อม
เข้าถึงคมมีดโกนอันคมกริบ สัตว์นรกทั้งหลายผู้กระทำบาป เป็นผู้เขลา
ย่อมตกลงไปบนคมมีดโกนนั้นเพราะได้กระทำบาปไว้ ก็สุนัขดำ สุนัข
ด่าง และสุนัขจิ้งจอก ย่อมรุมกัดกินสัตว์นรกทั้งหลาย ผู้ร้องไห้อยู่ที่
นั้น ฝูงกาดำ แร้งนกตะกรุม และกาไม่ดำ ย่อมรุมกันจิกกิน คน
ผู้ทำกรรมหยาบ ย่อมเห็นความเป็นไปในนรกนี้ยากหนอ เพราะฉะนั้น
นรชนพึงเป็นผู้ทำกิจที่ควรทำในชีวิตที่ยังเหลืออยู่นี้ และไม่พึงประมาท
เกวียนบรรทุกงา ผู้รู้ทั้งหลายนับแล้วนำเข้าไปเปรียบในปทุมนรก เป็น
๕๑,๒๐๐ โกฏิ นรกเป็นทุกข์เรากล่าวแล้วในพระสูตรนี้ เพียงใด
สัตว์ทั้งหลายผู้ทำกรรมหยาบ พึงอยู่ในนรกแม้นั้น ตลอดกาลนานเพียง
นั้นเพราะฉะนั้น บุคคลพึงกำหนดรักษาวาจา ใจ ให้เป็นปรกติในผู้
สะอาด มีศีลเป็นที่รักและมีคุณดีงามทั้งหลาย ฯ
จบโกกาลิกสูตรที่ ๑๐
นาลกสูตรที่ ๑๑
[๓๘๘] อสิตฤาษีอยู่ในที่พักกลางวัน ได้เห็นท้าวสักกะจอมเทพและเทวดา
คณะไตรทสผู้มีใจชื่นชม มีปีติโสมนัส ยกผ้าทิพย์ขึ้นเชยชมอยู่อย่าง
เหลือเกิน ในที่อยู่อันสะอาด ครั้นแล้วจึงกระทำความนอบน้อม แล้ว
ได้ถามเทวดาทั้งหลายผู้มีใจเบิกบานบันเทิงในที่นั้นว่า เพราะเหตุไร
หมู่เทวดาจึงเป็นผู้ยินดีอย่างเหลือเกิน ท่านทั้งหลายยกผ้าทิพย์ขึ้นแล้ว
รื่นรมย์อยู่เพราะอาศัยอะไร แม้คราวใด ได้มีสงครามกับพวกอสูร