พระสุตตันตปิฎกไทย: 22/349/329
สุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต
ประการอย่างนี้ภิกษุพิจารณาโดยแยบคายแล้วเป็นผู้สำรวมโสตินทรีย์ ... ฆานินทรีย์ ...ชิวหินทรีย์
... กายินทรีย์ ... ภิกษุพิจารณาโดยแยบคายแล้ว เป็นผู้สำรวมด้วยการสำรวมมนินทรีย์ ซึ่งเมื่อเธอ
ไม่สำรวม พึงเป็นเหตุให้อาสวะที่ทำความคับแค้นและความเร่าร้อนเกิดขึ้น เมื่อเธอสำรวมอยู่
อาสวะเหล่านั้น ที่ทำความคับแค้นและความเร่าร้อนย่อมไม่มีแก่เธอ ด้วยประการอย่างนี้ ดูกร
ภิกษุทั้งหลายเมื่อภิกษุไม่สำรวมอยู่ อาสวะที่ทำความคับแค้นและความเร่าร้อนพึงเกิดขึ้น เมื่อ
เธอสำรวมอยู่ อาสวะเหล่านั้นที่ทำความคับแค้นและความเร่าร้อนย่อมไม่มีแก่เธอด้วยประการ
อย่างนี้ อาสวะเหล่านี้ เรากล่าวว่าอันภิกษุพึงละด้วยการสำรวม ที่เป็นอันภิกษุละได้แล้วด้วย
การสำรวม ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อาสวะอันภิกษุพึงละด้วยการซ่องเสพ ที่เป็นอันภิกษุละได้แล้ว
ด้วยการซ่องเสพเป็นไฉน คือ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ พิจารณาโดยแยบคายแล้ว ย่อมเสพจีวรเพียง
เพื่อป้องกันหนาว ร้อน เหลือบ ยุง ลม แดดและสัมผัสแห่งสัตว์เลื้อยคลาน เพียงเพื่อปกปิด
อวัยวะที่น่าละอาย พิจารณาโดยแยบคายแล้ว ย่อมเสพบิณฑบาต มิใช่เพื่อเล่น มิใช่เพื่อมัวเมา
มิใช่เพื่อประดับ มิใช่เพื่อตบแต่ง เพียงเพื่อความดำรงอยู่ เพื่อความเป็นไปแห่งกายนี้เพื่อบรรเทา
ความหิว เพื่ออนุเคราะห์พรหมจรรย์ ด้วยคิดว่า เราจะบรรเทาเวทนาเก่าเสีย จักไม่ให้เวทนา
ใหม่เกิดขึ้น ความเป็นไปแห่งร่างกายจักมีแก่เรา ความไม่มีโทษ และความอยู่สบายจักมีแก่เรา
ด้วยการเสพบิณฑบาตนี้ พิจารณาโดยแยบคายแล้ว ย่อมเสพเสนาสนะ เพียงเพื่อป้องกันหนาว
ร้อน เหลือบ ยุงลม แดด และสัมผัสแห่งสัตว์เลื้อยคลาน เพียงเพื่อบรรเทาอันตรายที่เกิด
จากฤดู และยินดีในการหลีกออกเร้น พิจารณาโดยแยบคายแล้ว ย่อมเสพคิลานปัจจัยเภสัช
บริขาร เพียงเพื่อบรรเทาเวทนาที่เกิดจากอาพาธต่างๆ ซึ่งเกิดขึ้นแล้วเพื่อไม่มีความเจ็บไข้เป็นที่
สุด ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อภิกษุไม่เสพอยู่ อาสวะที่ทำความคับแค้นและความเร่าร้อนพึงเกิดขึ้น
เมื่อเธอเสพอยู่ อาสวะเหล่านั้นที่ทำความคับแค้นและความเร่าร้อน ย่อมไม่มีแก่เธอ ด้วยประการ
อย่างนี้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย อาสวะเหล่านี้ เรากล่าวว่า อันภิกษุพึงละด้วยการซ่องเสพ ที่เป็น
อันภิกษุละได้แล้วด้วยการซ่องเสพ ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อาสวะอันภิกษุพึงละด้วยความอดกลั้นที่เป็นอันภิกษุละได้แล้ว
ด้วยความอดกลั้นเป็นไฉน คือ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ พิจารณาโดยแยบคายแล้ว ย่อมเป็นผู้
อดทนต่อหนาว ร้อน หิว ระหาย เหลือบ ยุง ลมแดด และสัมผัสแห่งสัตว์เลื้อยคลาน
ย่อมเป็นผู้อดทนต่อถ้อยคำหยาบ คำเสียดสี ย่อมเป็นผู้อดกลั้นต่อทุกขเวทนาทางกายที่เกิดขึ้นแล้ว