พระสุตตันตปิฎกไทย: 25/349/389

สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
เล่ม 25
หน้า 349
ประกาศในการที่พระชินสีห์ทรงประกาศธรรมจักรอันประเสริฐ ได้ไป เฝ้าพระชินสีห์ผู้องอาจกว่าฤาษีแล้ว เป็นผู้เลื่อมใส ได้ทูลถามปฏิปทา อันประเสริฐของมุนีกะพระชินสีห์ ผู้เป็นมุนีผู้ประเสริฐ ในเมื่อเวลา คำสั่งสอนของอสิตฤาษีมาถึงเข้าฉะนี้แล ฯ จบวัตถุกถา
[๓๘๙] ข้าพระองค์ ได้รู้ตามคำของอสิตฤาษีโดยแท้ เพราะเหตุนั้นข้าแต่ พระโคดม ข้าพระองค์ทูลถามพระองค์ผู้ถึงฝั่งแห่งธรรมทั้งปวง พระองค์ อันข้าพระองค์ทูลถามแล้ว ขอจงตรัสบอกมุนีและปฏิปทาอันสูงสุดของ มุนี แห่งบรรพชิตผู้แสวงหาการเที่ยวไปเพื่อภิกษา แก่ข้าพระองค์เถิด ฯ พระผู้มีพระภาคตรัสพยากรณ์ว่า เราจักบัญญัติปฏิปทาของมุนีที่บุคคลทำได้ยากให้เกิดความยินดีได้ยาก แก่ท่าน เอาเถิดเราจักบอกปฏิปทาของมุนีนั้นแก่ท่านท่านจงอุปถัมภ์ ตน จงเป็นผู้มั่นคงเถิด พึงกระทำการด่าและการไหว้ในบ้านให้เสมอกัน พึงรักษาความประทุษร้ายแห่งใจพึงเป็นผู้สงบไม่มีความเย่อหยิ่งเป็น อารมณ์ อารมณ์ที่สูงต่ำมีอุปมาด้วยเปลวไฟในป่า ย่อมมาสู่ครองจักษุ เป็นต้น เหล่านารีย่อมประเล้าประโลมมุนี นารีเหล่านั้น อย่าพึง ประเล้าประโลมท่าน มุนีละกามทั้งหลายทั้งที่ดีแล้ว งดเว้นจากเมถุน ธรรมไม่ยินดียินร้าย ในสัตว์ทั้งหลายผู้สะดุ้งและมั่นคง พึงกระทำตน ให้เป็นอุปมาว่า เราฉันใด สัตว์เหล่านี้ก็ฉันนั้น สัตว์เหล่านี้ ฉันใด เราก็ฉันนั้น ดังนี้แล้ว ไม่พึงฆ่าเอง ไม่พึงใช้ผู้อื่นให้ฆ่า มุนีละความ ปรารถนาและความโลภในปัจจัยที่ปุถุชนข้องอยู่แล้ว เป็นผู้มีจักษุ พึง ปฏิบัติปฏิปทาของมุนีนี้พึงข้ามความทะเยอทะยานในปัจจัย ซึ่งเป็น เหตุแห่งมิจฉาชีพที่หมายรู้กันว่านรกนี้เสีย พึงเป็นผู้มีท้องพร่อง (ไม่ เห็นแก่ท้อง) มีอาหารพอประมาณ มีความปรารถนาน้อย ไม่มีความ โลภเป็นผู้หายหิว ไม่มีความปรารถนาด้วยความปรารถนาดับความ เร่าร้อนได้แล้วทุกเมื่อ มุนีนั้นเที่ยวไปรับบิณฑบาตแล้ว พึงไปยังชาย