พระสุตตันตปิฎกไทย: 9/357/364
สุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค
เป็นสรณะ ขอพระโคดมผู้เจริญจงทรงจำข้าพระองค์ว่า เป็นอุบาสก ผู้ถึงสรณะตลอดชีวิต
ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ โทษได้ถึงข้าพระองค์ผู้เป็นพาล ผู้หลง ผู้ไม่รู้เท่า
ถึงการณ์ ข้าพระองค์ใด ได้ท้วงพระผู้มีพระภาคผู้เป็นศาสดา อันสาวกไม่ควรท้วงในโลก
และการท้วงพระผู้มีพระภาคนั้น ก็ไม่จริง ไม่แท้ ไม่เป็นธรรม ประกอบด้วยโทษ ขอ
พระผู้มีพระภาคจงทรงรับโทษนั้นโดยความเป็นโทษแก่ข้าพระองค์นั้น เพื่อสำรวมต่อไป พระผู้มี
พระภาคตรัสว่า เอาเถอะ โลหิจจะ โทษได้ถึงท่านผู้เป็นพาล ผู้หลง ผู้ไม่รู้เท่าถึงการณ์
ท่านได้ท้วงเราผู้เป็นศาสดาอันสาวกไม่ควรท้วงในโลก และการท้วงเราผู้เป็นศาสดานั้น ก็ไม่จริง
ไม่แท้ ไม่เป็นธรรม ประกอบด้วยโทษ เพราะเหตุนั้นแล เธอเห็นโทษโดยความเป็นโทษแล้ว
จงกระทำคืนตามธรรม เรารับรับโทษนั้น นี้เป็นความเจริญในอริยวินัย ผู้เห็นโทษโดยความ
เป็นโทษ ย่อมกระทำคืนตามธรรม ย่อมถึงความสำรวมต่อไป.
เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว โลหิจจพราหมณ์ได้ชื่นชมภาษิตของพระผู้มีพระภาค
ลุกจากอาสนะหลีกไป ดังนี้แล.
จบโลหิจจสูตรที่ ๑๒.
____________________