พระสุตตันตปิฎกไทย: 25/361/409
สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
ในโลก ไม่ใช่ละได้โดยง่ายเลย กามคุณทั้งหลายมีความปรารถนา
เป็นเหตุ เนื่องด้วยความยินดีในภพ เปลื้องออกได้โดยยาก คนอื่น
จะเปลื้องออกให้ไม่ได้เลย นรชนทั้งหลายมุ่งหวังกามในอนาคตบ้าง
ในอดีตบ้าง คร่ำครวญถึงกามเหล่านี้ที่เคยมีแล้วบ้าง อันตนเปลื้องเอง
ได้ยาก และคนอื่นก็เปลื้องให้ไม่ได้ สัตว์เหล่านั้นยินดี ขวนขวาย
ลุ่มหลงอยู่ในกามทั้งหลาย ไม่เชื่อถือถ้อยคำของบัณฑิตมีพระพุทธเจ้า
เป็นต้น ตั้งอยู่แล้วในธรรมอันไม่สงบ ถูกทุกข์ครอบงำแล้ว ย่อมรำพัน
อยู่ว่า เราจุติจากโลกนี้แล้ว จักเป็นอย่างไรหนอ เพราะเหตุนั้นแล
สัตว์พึงศึกษาไตรสิกขาในศาสนานี้แหละ พึงรู้ว่าสิ่งอะไรๆ ในโลก
ไม่เป็นความสงบ ไม่พึงประพฤติความไม่สงบเพราะเหตุแห่งสิ่งนั้น
นักปราชญ์ทั้งหลายกล่าวชีวิตนั้นว่าเป็นของน้อยนักเราเห็นหมู่
สัตว์นี้ ผู้เป็นไปในอำนาจความอยากในภพทั้งหลาย กำลังดิ้นรนอยู่ในโลก
นรชนทั้งหลายผู้เลวทรามย่อมบ่นเพ้ออยู่ในปากมัจจุราช นรชน
เหล่านั้น ยังไม่ปราศจากความอยากในภพและมิใช่ภพทั้งหลายเลย ท่าน
ทั้งหลายจงดูชนทั้งหลายผู้ถือว่าสิ่งนั้นๆ เป็นของเรา กำลังดิ้นรนอยู่
เหมือนปลาในแอ่งน้ำน้อยมีกระแสขาดสิ้นแล้วดิ้นรนอยู่ ฉะนั้น
นรชนเห็นโทษแม้นั้นแล้ว ไม่พึงประพฤติเป็นคนถือว่าสิ่งนั้นๆ
เป็นของเรา ไม่กระทำความติดข้องอยู่ในภพทั้งหลาย พึงกำจัดความ
พอใจในที่สุดทั้ง ๒ (มีผัสสะและเหตุเกิดแห่งสัมผัสสะเป็นต้น)
กำหนดรู้ผัสสะแล้วไม่กำหนัดตามในธรรมทั้งปวงมีรูปเป็นต้น ติเตียน
ตนเองเพราะข้อใด อย่าทำข้อนั้น เป็นนักปราชญ์ไม่ติดอยู่ในรูปที่ได้
เห็นและเสียงที่ได้ฟังเป็นต้น กำหนดรู้สัญญาแล้วพึงข้ามโอฆะ เป็น
มุนีไม่ติดอยู่ในอารมณ์ที่ควรหวงแหน ถอนลูกศรคือ กิเลสออกเสีย
ไม่ประมาทเที่ยวไปอยู่ ย่อมไม่ปรารถนาโลกนี้และโลกหน้า ฉะนี้แล ฯ
จบคุหัฏฐกสูตรที่ ๒