พระสุตตันตปิฎกไทย: 25/363/411

สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
เล่ม 25
หน้า 363
ผู้กำหนัดหรือว่าผู้ประทุษร้ายได้อย่างไรด้วยความกำหนัดหรือความ ประทุษร้ายอะไร ความเห็นว่าเป็นตน หรือความเห็นว่าขาดสูญ ย่อมไม่มีแก่พระขีณาสพนั้นเลย เพราะพระขีณาสพนั้น ละทิฐิได้ ทั้งหมดในอัตภาพนี้ ฉะนี้แล ฯ จบทุฏฐัฏฐกสูตรที่ ๓ สุทธัฏฐกสูตรที่ ๔
[๔๑๑] คนพาลผู้ประกอบด้วยทิฐิ สำคัญเอาเองว่าเราได้เห็นบุคคลผู้บริสุทธิ์ เป็นบุคคลผู้ยิ่งใหญ่หาโรคมิได้ ความหมดจดด้วยดีย่อมมีได้แก่นรชน ด้วยการเห็น เมื่อคนพาลนั้นสำคัญเอาเองอย่างนี้ รู้ว่า ความเห็นนั้น เป็นความเห็นยิ่ง แม้เป็นผู้เห็นบุคคลผู้บริสุทธิ์เนืองๆ ก็ย่อมเชื่อว่า ความเห็นนั้นเป็นมรรคญาณ ถ้าว่าความบริสุทธิ์ย่อมมีได้แก่นรชนด้วย การเห็นหรือนรชนนั้นย่อมละทุกข์ได้ด้วยมรรค อันไม่บริสุทธิ์อย่าง อื่นจากอริยมรรค นรชนผู้เป็นอย่างนี้ย่อมบริสุทธิ์ไม่ได้เลยก็คน มีทิฐิ ย่อมกล่าวยกย่องความเห็นนั้นของคนผู้กล่าวอย่างนั้น พราหมณ์ ไม่กล่าวความบริสุทธิ์โดยมิจฉาทิฐิญาณอย่างอื่นจากอริยมรรคญาณ ที่ เกิดขึ้นในเพราะรูปที่ได้เห็นเสียงที่ได้ฟัง ศีล พรต และในเพราะ อารมณ์ที่ได้ทราบพราหมณ์นั้นไม่ติดอยู่ในบุญและบาป ละความเห็นว่า เป็นตนเสียได้ ไม่กระทำในบุญและบาปนี้ ชนผู้ประกอบด้วยทิฐิ เป็นผู้กล่าวความบริสุทธิ์โดยทางมรรคอย่างอื่นเหล่านั้น ละศาสดา เบื้องต้นเสีย อาศัยศาสดาอื่น อันตัณหาครอบงำย่อมข้ามธรรมเป็น เครื่องข้องไม่ได้ ชื่อว่าถือเอาธรรมนั้นด้วย สละธรรมนั้นด้วย เปรียบ เหมือนวานรจับและปล่อยกิ่งไม้ที่ตรงหน้าเสียเพื่อจับกิ่งอื่น ฉะนั้น สัตว์ผู้ข้องอยู่ในกามสัญญา สมาทานวัตรเองแล้ว ไปเลือกหาศาสดา