พระสุตตันตปิฎกไทย: 13/369/537
สุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์
ครั้งนั้นแล คฤหบดีนั้น ไม่ยินดี ไม่คัดค้านพระภาษิตของพระผู้มีพระภาค ลุกจาก
ที่นั่งแล้วหลีกไป.
[๕๓๗] ก็สมัยนั้นแล นักเลงสะกาเป็นอันมาก เล่นสะกากันอยู่ในที่ไม่ไกลพระผู้มี
พระภาค. ครั้งนั้น คฤหบดีนั้น เข้าไปหานักเลงสะกาเหล่านั้นแล้ว ได้กล่าวกะนักเลงสะกา
เหล่านั้นว่า ดูกรท่านผู้เจริญทั้งหลาย ข้าพเจ้าขอโอกาส ข้าพเจ้าได้เข้าไปเฝ้าพระสมณโคดม
ถึงที่ประทับ ได้ถวายบังคมพระสมณโคดมแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ดูกรท่านผู้เจริญทั้งหลาย
พระสมณโคดมได้ตรัสกะข้าพเจ้าผู้นั่งเรียบร้อยแล้วว่า ดูกรคฤหบดี อินทรีย์ไม่เป็นของท่านผู้ตั้ง
อยู่ในจิตของตน ท่านมีอินทรีย์เป็นอย่างอื่นไป ดูกรท่านผู้เจริญทั้งหลาย เพื่อพระสมณโคดม
ตรัสอย่างนี้แล้ว ข้าพเจ้าได้กราบทูลพระสมณโคดมว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญทำไมข้าพระองค์จะ
ไม่มีอินทรีย์เป็นอย่างอื่นเล่า เพราะว่าบุตรน้อยคนเดียวของข้าพระองค์ ซึ่งเป็นที่รัก เป็นที่ชอบใจ
ได้กระทำกาละเสียแล้ว เพราะการทำกาละของบุตรน้อยคนเดียวนั้น การงานย่อมไม่แจ่มแจ้ง
อาหารย่อมไม่ปรากฏ ข้าพระองค์ไปยังป่าช้าแล้วๆ เล่าๆ คร่ำครวญถึงบุตรว่า บุตรน้อยคนเดียว
อยู่ไหน บุตรน้อยคนเดียวอยู่ไหน เมื่อข้าพเจ้าทูลอย่างนี้แล้ว พระสมณโคดมได้ตรัสว่า ดูกร
คฤหบดี ข้อนี้เป็นอย่างนั้น ดูกรคฤหบดี ข้อนี้เป็นอย่างนั้น เพราะว่าโสกะปริเทวะ ทุกข์
โทมนัสและอุปยาสย่อมเกิดแต่ของที่รัก เป็นที่มาของที่รัก เมื่อพระสมณโคดมตรัสอย่างนี้แล้ว
ข้าพเจ้าได้กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้อที่ว่าโสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัสและอุปายาส
ย่อมเกิดมาแต่ของที่รัก เป็นมาแต่ของที่รักนั้น จักเป็นอย่างนั้นได้อย่างไร ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
ความจริงความยินดีและความโสมนัสย่อมเกิดแต่ของที่รัก เป็นมาแต่ของที่รัก ดูกรท่านผู้เจริญ
ทั้งหลาย ครั้งนั้นข้าพเจ้ามิได้ยินดี มิได้คัดค้านพระภาษิตของพระสมณโคดม ลุกจากที่นั่งแล้ว
หลีกไป. นักเลงสะกาเหล่านั้นได้กล่าวว่า ดูกรคฤหบดี ข้อนี้เป็นอย่างนั้น ดูกรคฤหบดี ข้อนี้
เป็นอย่างนั้น เพราะว่าความยินดีและความโสมนัสย่อมเกิดแต่ของที่รัก เป็นมาแต่ของที่รัก.
ครั้งนั้นแล คฤหบดีนั้นคิดว่า ความเห็นของเราสมกันกับนักเลงสะกาทั้งหลาย ดังนี้ แล้ว
หลีกไป.