พระสุตตันตปิฎกไทย: 13/370/538 539
สุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์
ทุกข์ย่อมเกิดแต่ของที่รัก
[๕๓๘] ครั้งนั้นแล เรื่องที่พูดกันนี้ได้แพร่เข้าไปถึงในพระราชวังโดยลำดับ. ครั้งนั้นแล
พระเจ้าปเสนทิโกศลได้ตรัสเรียกพระนางมัลลิกาเทวีมาแล้วตรัสว่า ดูกรมัลลิกา คำว่า โสกะ
ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส และอุปายาส ย่อมเกิดแต่ของที่รัก เป็นมาแต่ของที่รัก นี้ พระสมณโคดม
ของเธอตรัสหรือ? พระนางมัลลิกาเทวีกราบทูลว่า ข้าแต่พระมหาราช ถ้าคำนั้นพระผู้มีพระภาค
ตรัสจริงคำนั้นก็เป็นอย่างนั้น เพคะ
ป. ก็พระนางมัลลิกานี้ อนุโมทนาตามพระดำรัสที่สมณโคดมตรัสเท่านั้นว่า ข้าแต่
พระมหาราช ถ้าคำนั้นพระผู้มีพระภาคตรัสจริงคำนั้นก็เป็นอย่างนั้นเพคะ ดูกรมัลลิกา เธอ
อนุโมทนาตามพระดำรัสที่พระสมณโคดมตรัสเท่านั้นว่า ข้าแต่พระมหาราช ถ้าคำนั้นพระผู้มี
พระภาคตรัสจริง คำนั้นก็เป็นอย่างนั้น. เปรียบเหมือนศิษย์อนุโมทนาตามคำที่อาจารย์กล่าวว่า
ข้อนี้เป็นอย่างนั้น ท่านอาจารย์ ข้อนี้เป็นอย่างนั้น ท่านอาจารย์ ฉะนั้น ดูกรมัลลิกา เธอจง
หลบหน้าไปเสีย เธอจงพินาศ.
[๕๓๙] ครั้งนั้นแล พระนางมัลลิกาเทวีตรัสเรียกพราหมณ์ชื่อนาฬิชังฆะมาตรัสว่า
มานี่แน่ะท่านพราหมณ์ ขอท่านจงเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ แล้วถวายบังคมพระบาท
ทั้งสองของพระองค์ด้วยเศียรเกล้า แล้วทูลถามถึงความมีพระอาพาธน้อย มีพระโรคเบาบาง
ทรงกระปรี้กระเปร่า มีพระกำลัง ทรงพระสำราญตามคำของฉันว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระนาง
มัลลิกาเทวีขอถวายบังคมพระบาททั้งสองของพระผู้มีพระภาคด้วยเศียรเกล้า ทูลถามถึงความมีพระ
อาพาธน้อย มีพระโรคเบาบาง ทรงกระปรี้กระเปร่า มีพระกำลัง ทรงพระสำราญ และท่านจง
ทูลถามอย่างนี้ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระวาจาว่า โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส และ
อุปายาส ย่อมเกิดแต่ของที่รัก เป็นมาแต่ของที่รัก ดังนี้ พระผู้มีพระภาคตรัสจริงหรือ พระผู้มี
พระภาคทรงพยากรณ์แก่ท่านอย่างไร ท่านพึงเรียนพระดำรัสนั้นให้ดี แล้วมาบอกแก่ฉัน อัน
พระตถาคตทั้งหลายย่อมตรัสไม่ผิดพลาด.
นาฬิชังฆพราหมณ์รับพระเสาวณีย์พระนางมัลลิกาแล้ว ได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค
ถึงที่ประทับ ได้ปราศรัยกับพระผู้มีพระภาค ครั้นผ่านการปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันไปแล้ว