พระสุตตันตปิฎกไทย: 13/376/549 550
สุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์
๘. พาหิติยสูตร
ว่าด้วยการถวายผ้าพาหิติกา
[๕๔๙] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้:
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิก
เศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี. ครั้งนั้นเป็นเวลาเช้า ท่านพระอานนท์นุ่งแล้ว ถือบาตรและจีวร
เข้าไปยังพระนครสาวัตถีเพื่อบิณฑบาต ครั้นเที่ยวบิณฑบาตในพระนครสาวัตถี ภายหลังภัต
กลับจากบิณฑบาตแล้ว เข้าไปยังบุพพารามณปราสาทของมิคารมารดาเพื่อพักกลางวัน.
พระเจ้าปเสนทิโกศลทรงสนทนาธรรมกับพระอานนท์
[๕๕๐] ก็สมัยนั้นแล พระเจ้าปเสนทิโกศลเสด็จขึ้นประทับคอช้างชื่อว่า บุณฑริก
เสด็จออกจากพระนครสาวัตถีในเวลากลางวัน. ได้ทอดพระเนตรเห็นท่านพระอานนท์กำลังมา
แต่ไกล ครั้นแล้วได้ตรัสถามมหาอำมาตย์ชื่อสิริวัฑฒะว่า ดูกรเพื่อนสิริวัฑฒะ นั่นท่านพระอานนท์
หรือมิใช่? สิริวัฑฒมหาอำมาตย์กราบทูลว่า ข้าแต่มหาราชา นั่นท่านพระอานนท์ พระพุทธเจ้าข้า.
ครั้งนั้น พระเจ้าปเสนทิโกศลตรัสเรียกบุรุษผู้หนึ่งมาตรัสว่า ดูกรบุรุษผู้เจริญ ท่านจงไป จงเข้า
ไปหาท่านพระอานนท์ แล้วจงกราบเท้าทั้งสองของท่านพระอานนท์ด้วยเศียรเกล้าตามคำของเราว่า
ข้าแต่ท่านผู้เจริญ พระเจ้าปเสนทิโกศลทรงกราบเท้าทั้งสองของท่านพระอานนท์ด้วยพระเศียร
และจงเรียนท่านอย่างนี้ว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ได้ยินว่า ถ้าท่านพระอานนท์ไม่มีกิจรีบด่วนอะไร
ขอท่านพระอานนท์จงอาศัยความอนุเคราะห์รออยู่สักครู่หนึ่งเถิด. บุรุษนั้นรับพระราชดำรัสของ
พระเจ้าปเสนทิโกศลแล้ว ได้เข้าไปหาท่านพระอานนท์ถึงที่อยู่ อภิวาทท่านพระอานนท์แล้วได้
ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง. ครั้นแล้ว ได้กราบเรียนท่านพระอานนท์ว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ
พระเจ้าปเสนทิโกศลทรงกราบเท้าทั้งสองของท่านพระอานนท์ด้วยพระเศียร และรับสั่งมาว่า
ได้ยินว่า ถ้าท่านพระอานนท์ไม่มีกิจรีบด่วนอะไร ขอท่านพระอานนท์จงอาศัยความอนุเคราะห์
รออยู่สักครู่หนึ่งเถิด ดังนี้. ท่านพระอานนท์ได้รับนิมนต์ด้วยดุษณีภาพ.