พระสุตตันตปิฎกไทย: 18/379/760 761
สุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค
พ. และมหาบพิตรทรงมีนักคำนวณ นักประเมิน หรือนักประมาณไรๆซึ่งสามารถ
จะคำนวณน้ำในมหาสมุทรว่า มีน้ำเท่านี้อาฬหกะ ฯลฯ หรือว่ามีน้ำเท่านี้แสนอาฬหกะหรือไม่ ฯ
ป. ไม่มีเลย พระเจ้าข้า ฯ
พ. ข้อนั้นเป็นเพราะเหตุไร มหาบพิตร ฯ
ป. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เพราะว่ามหาสมุทรเป็นของลึกประมาณไม่ได้หยั่งถึงได้
โดยยาก พระเจ้าข้า ฯ
[๗๖๐] พ. ฉันนั้นนั่นแล มหาบพิตร บุคคลเมื่อจะบัญญัติสัตว์ พึงบัญญัติด้วยรูป
ใด รูปนั้นอันตถาคตละได้แล้ว ตัดรากขาดแล้ว กระทำให้ไม่มีที่ตั้ง ดุจตาลยอดด้วน กระทำ
ไม่ให้มี ไม่ให้เกิดอีกต่อไปเป็นธรรมดา ดูกรมหาบพิตร ตถาคตพ้นจากการบัญญัติว่าเป็นรูป
เป็นของลึก ประมาณไม่ได้หยั่งถึงได้โดยยากดุจมหาสมุทร ฉะนั้น คำว่า สัตว์เบื้องหน้าแต่
ตายแล้วย่อมเกิดอีกก็ดี ย่อมไม่เกิดอีกก็ดี ย่อมเกิดอีกและไม่เกิดอีกก็ดี ย่อมเกิดอีกก็หามิได้
ย่อมไม่เกิดอีกก็หามิได้ก็ดี ย่อมไม่ควร บุคคลเมื่อจะบัญญัติสัตว์ พึงบัญญัติด้วยเวทนาใด ... เมื่อ
บัญญัติสัตว์ พึงบัญญัติด้วยสัญญาใด ... เมื่อบัญญัติสัตว์ พึงบัญญัติด้วยสังขารเหล่าใด ... เมื่อ
บัญญัติสัตว์ พึงบัญญัติด้วยวิญญาณใดวิญญาณนั้นอันตถาคตละได้แล้ว ตัดรากขาดแล้ว
กระทำให้ไม่มีที่ตั้ง ดุจตาลยอดด้วน กระทำไม่ให้มี ไม่ให้เกิดขึ้นอีกต่อไปเป็นธรรมดา
ดูกรมหาบพิตรตถาคตพ้นแล้วจากการบัญญัติว่าเป็นวิญญาณ เป็นของลึก ประมาณไม่ได้
หยั่งถึงได้โดยยาก ดุจมหาสมุทร ฉะนั้น คำว่า สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้วย่อมเกิดอีกก็ดี ย่อม
ไม่เกิดอีกก็ดี ย่อมเกิดอีกและไม่เกิดอีกก็ดี ย่อมเกิดอีกก็หามิได้ย่อมไม่เกิดอีกก็หามิได้ก็ดี
ย่อมไม่ควร ฯ
[๗๖๑] ป. อัศจรรย์จริง พระเจ้าข้า ไม่เคยมี พระเจ้าข้า ในข้อที่อรรถกับอรรถ
พยัญชนะกับพยัญชนะ ของพระศาสดากับของสาวิกา ย่อมเทียบกันได้ สมกันได้ ไม่ผิด
เพี้ยนในบทที่สำคัญ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ สมัยหนึ่งข้าพระพุทธเจ้าได้ไปหาพระเขมาภิกษุณี ไต่
ถามความข้อนี้มาครั้งหนึ่งแล้ว แม้แม่เจ้ารูปนั้นก็ได้พยากรณ์ความข้อนี้ด้วยบทเหล่านี้ ด้วยพยัญ