พระสุตตันตปิฎกไทย: 25/38/31

สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
เล่ม 25
หน้า 38
มีวิจิกิจฉานิวรณ์ดุจเสือโคร่งเป็นที่ ๕ เสียได้ ย่อมเป็นผู้ไม่มีทุกข์ไป สติ ของชนเหล่าใดไปแล้วในพระพุทธเจ้าเป็นนิตย์ทั้งกลางวันและกลางคืน ชนเหล่านั้นชื่อว่าเป็นสาวกของพระโคดม ตื่นอยู่ ตื่นดีแล้วในกาลทุก เมื่อ สติของชนเหล่าใดไปแล้วในพระธรรมเป็นนิตย์ทั้งกลางวันและ กลางคืน ชนเหล่านั้นชื่อว่าเป็นสาวกของพระโคดม ตื่นอยู่ ตื่นดีแล้วใน กาลทุกเมื่อ สติของชนเหล่าใดไปแล้วในพระสงฆ์เป็นนิตย์ ทั้งกลางวัน และกลางคืนชนเหล่านั้นชื่อว่าเป็นสาวกของพระโคดม ตื่นอยู่ ตื่นดี แล้วในกาลทุกเมื่อ สติของชนเหล่าใดไปแล้วในกายเป็นนิตย์ทั้งกลาง วันและกลางคืน ชนเหล่านั้นชื่อว่าเป็นสาวกของพระโคดม ตื่นอยู่ ตื่น ดีแล้วในกาลทุกเมื่อ ใจของชนเหล่าใดยินดีแล้วในความไม่เบียดเบียน ทั้งกลางวันและกลางคืนชนเหล่านั้นชื่อว่าเป็นสาวกของพระโคดม ตื่น อยู่ ตื่นดีแล้วในกาลทุกเมื่อ ใจของชนเหล่าใดยินดีแล้วในภาวนา ทั้ง กลางวันและกลางคืน ชนเหล่านั้นชื่อว่าเป็นสาวกของพระโคดม ตื่นอยู่ ตื่นดีแล้วในกาลทุกเมื่อ บวชได้ยาก ยินดีได้ยาก เรือนมีการอยู่ครอง ไม่ดี นำความทุกข์มาให้ การอยู่ร่วมกับบุคคลผู้ไม่เสมอกัน นำความทุกข์ มาให้ ชนผู้เดินทางไกลอันทุกข์ตกตามแล้ว เพราะเหตุนั้น บุคคลไม่พึง เดินทางไกลและไม่พึงเป็นผู้อันทุกข์ตกตามแล้ว กุลบุตรผู้มีศรัทธา ถึง พร้อมแล้วด้วยศีล เพรียบพร้อมแล้วด้วยยศและโภคะ ไปถึงประเทศ ใดๆ เป็นผู้อันคนบูชาแล้วในประเทศนั้นๆ แล สัตบุรุษย่อมปรากฏ ได้ในที่ไกล เหมือนภูเขาหิมวันต์ อสัตบุรุษแม้นั่งแล้วในที่นี้ก็ย่อมไม่ ปรากฏเหมือนลูกศรที่บุคคลยิงไปแล้วในเวลากลางคืน ฉะนั้น ภิกษุพึง เสพการนั่งผู้เดียว การนอนผู้เดียว ไม่เกียจคร้าน เที่ยวไปผู้เดียว ฝึกหัดตนผู้เดียว พึงเป็นผู้ยินดีแล้วในที่สุดป่า ฯ จบปกิณณวรรคที่ ๒๑