พระสุตตันตปิฎกไทย: 25/389/423
สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
เสือกคลานผัสสะแห่งมนุษย์ (มีมนุษย์ผู้เป็นโจรเป็นต้น) สัตว์
สี่เท้าภิกษุผู้แสวงหากุศลธรรมอยู่เนืองๆ ไม่พึงสะดุ้งแม้ต่อเหล่าชนผู้
ประพฤติธรรมอื่นนอกจากสหธรรมิก แม้ได้เห็นเหตุการณ์อันนำมา
ซึ่งความขลาดเป็นอันมากของชนเหล่านั้น และอันตรายเหล่าอื่น ก็พึง
ครอบงำเสียได้ ภิกษุอันผัสสะแห่งโรคคือ ความหิว เย็นจัด ร้อนจัด
ถูกต้องแล้ว พึงอดกลั้นได้ภิกษุนั้นเป็นผู้อันโรคเหล่านั้นถูกต้องแล้ว
ด้วยอาการต่างๆ ก็มิได้ทำโอกาสให้แก่อภิสังขารเป็นต้น พึงบากบั่น
กระทำความเพียรให้มั่นคงไม่พึงกระทำการขโมย ไม่พึงกล่าวคำมุสา
พึงแผ่เมตตาไปยังหมู่สัตว์ทั้งที่สะดุ้งและมั่นคง ในกาลใด พึงรู้เท่าความ
ที่ใจเป็นธรรมชาติขุ่นมัว ในกาลนั้น พึงบรรเทาเสียด้วยคิดว่า นี้เป็น
ฝักฝ่ายแห่งธรรมดำ ไม่พึงลุอำนาจแห่งความโกรธและการดูหมิ่นผู้อื่น
พึงขุดรากเง่าแห่งความโกรธและการดูหมิ่นผู้อื่นเหล่านั้นแล้วดำรงอยู่
เมื่อจะครอบงำก็พึงครอบงำความรักหรือความไม่รักเสียโดยแท้ ภิกษุ
ผู้ประกอบด้วยปีติอันงาม มุ่งบุญเป็นเบื้องหน้าพึงข่มอันตรายเหล่านั้น
เสีย พึงครอบงำความไม่ยินดีในที่นอนอันสงัด พึงครอบงำธรรมอันเป็น
ที่ตั้งแห่งความร่ำไรทั้ง ๔ อย่าง ผู้เป็นเสขะ ไม่มีความกังวลเที่ยวไป
พึงปราบวิตกอันเป็นที่ตั้งแห่งความร่ำไรเหล่านี้ว่าเราจักบริโภคอะไร หรือว่า
เราจักบริโภคที่ไหน เมื่อคืนนี้เรานอนเป็นทุกข์นัก ค่ำวันนี้เราจักนอน
ที่ไหน ภิกษุนั้นได้ข้าวและที่อยู่ในกาลแล้วพึงรู้จักประมาณ (ในกาล
รับและในกาลบริโภค) เพื่อความสันโดษในศาสนานี้ ภิกษุนั้นคุ้มครอง
แล้วในปัจจัยเหล่านั้น สำรวมระวังเที่ยวไปในบ้านถึงใครๆ ด่าว่า
เสียดสีก็ไม่พึงกล่าววาจาหยาบ พึงเป็นผู้มีจักษุทอดลงและไม่พึงโลเล
ด้วยเท้า พึงเป็นผู้ขวนขวายในฌานเป็นผู้ตื่นอยู่โดยมาก ปรารภอุเบกขา
มีจิตตั้งมั่นดี พึงตัดเสียซึ่งธรรมเป็นที่อยู่แห่งวิตกและความคะนอง
ภิกษุผู้อันอุปัชฌายะเป็นต้นตักเตือนแล้วด้วยวาจา พึงเป็นผู้มีสติยินดี
รับคำตักเตือนนั้น พึงทำลายตะปู คือความโกรธในสพรหมจารีทั้งหลาย
พึงเปล่งวาจาอันเป็นกุศล ไม่ให้ล่วงเวลา ไม่พึงคิดในการกล่าวติเตียน