พระสุตตันตปิฎกไทย: 30/39/123
สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย จูฬนิทเทส
ปุจฉาอีก ๓ ประการ คือ การถามเรื่องสติปัฏฐาน ๑ การถามเรื่องสัมมัปปธาน ๑ การ
ถามเรื่องอิทธิบาท ๑.
ปุจฉาอีก ๓ ประการ คือ การถามเรื่องอินทรีย์ ๑ การถามเรื่องพละ ๑ การถามเรื่อง
โพชฌงค์ ๑.
ปุจฉาอีก ๓ ประการ คือ การถามเรื่องมรรค ๑ การถามเรื่องผล ๑ การถามเรื่อง
นิพพาน ๑.
คำว่า ข้าพระองค์ขอทูลถามปัญหานั้น ความว่า ข้าพระองค์ทูลถาม คือ ทูลขอ ทูล
เชื้อเชิญ ทูลให้ประสาท ซึ่งปัญหานั้นว่า ขอพระองค์จงตรัสบอกปัญหาแก่ข้าพระองค์ เพราะ
ฉะนั้น จึงชื่อว่า ข้าพระองค์ขอทูลถามปัญหานั้น.
คำว่า ภควา นี้ เป็นคำกล่าวโดยเคารพ ฯลฯ. คำว่า ภควา นี้ เป็นสัจฉิกาบัญญัติ คำว่า
ขอพระองค์จงตรัสบอกปัญหานั้นแก่ข้าพระองค์ ความว่า ขอพระองค์จงตรัส ... ขอพระองค์จง
ประกาศ เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ข้าพระองค์ขอทูลถามปัญหานั้น ขอ
พระองค์จงตรัสบอกปัญหานั้นแก่ข้าพระองค์.
เพราะเหตุนั้น พราหมณ์นั้นจึงกราบทูลว่า
ข้าพระองค์มีความประสงค์ด้วยปัญหา จึงมาเฝ้าพระองค์ผู้ไม่
หวั่นไหว ผู้เห็นมูล. ฤาษี มนุษย์ กษัตริย์ พราหมณ์เป็น
อันมากในโลกนี้ อาศัยอะไร จึงพากันแสวงหายัญให้แก่
เทวดาทั้งหลาย ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ข้าพระองค์ขอทูลถาม
ปัญหานั้น. ขอพระองค์จงตรัสบอกปัญหานั้นแก่ข้าพระองค์
เถิด.
[๑๒๓] (พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรปุณณกะ)
ฤาษี มนุษย์ กษัตริย์ พราหมณ์ พวกใดพวกหนึ่งนี้ เป็น
อันมากในโลกนี้ พากันแสวงหายัญแก่เทวดาทั้งหลาย. ดูกร
ปุณณกะ ฤาษี มนุษย์ กษัตริย์ พราหมณ์ เป็นอันมาก
ในโลกนี้ เหล่านั้น หวังความเป็นอย่างนี้ อาศัยชรา จึง
พากันแสวงหายัญแก่เทวดาทั้งหลาย.