พระสุตตันตปิฎกไทย: 13/393/574 575
สุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์
พ. ดูกรมหาบพิตร ขอพระราชภคินีพระนามว่าโสมา และพระราชภคินีพระนามว่าสกุลา
จงทรงพระสำราญเถิด ขอถวายพระพร.
[๕๗๔] ลำดับนั้นแล พระเจ้าปเสนทิโกศลได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์
ผู้เจริญ หม่อมฉันได้สดับมาว่า พระสมณโคดมตรัสอย่างนี้ว่า สมณะหรือพราหมณ์ผู้รู้ธรรม
ทั้งปวง ผู้เห็นธรรมทั้งปวง จักปฏิญาณความรู้ความเห็นอันไม่มีส่วนเหลือ ไม่มี ข้อนี้ไม่เป็น
ฐานะที่จะมีได้ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ชนเหล่าใดกล่าวอย่างนี้ว่า พระสมณโคดมตรัสอย่างนี้ว่า
สมณะหรือพราหมณ์ผู้รู้ธรรมทั้งปวง ผู้เห็นธรรมทั้งปวง จักปฏิญาณความรู้ความเห็นอันไม่มี
ส่วนเหลือไม่มี ข้อนี้ไม่เป็นฐานะที่จะมีได้ ชนเหล่านั้นเป็นอันกล่าวตามที่พระผู้มีพระภาคตรัส
แล้ว ไม่เป็นอันกล่าวตู่พระผู้มีพระภาคด้วยคำไม่จริง และพยากรณ์ธรรมสมควรแก่ธรรม อนึ่ง
การกล่าวและการกล่าวตามอันประกอบด้วยเหตุบางอย่าง จะไม่มาถึงฐานะอันผู้รู้จะพึงติเตียน
แลหรือ พระเจ้าข้า. พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ดูกรมหาบพิตร ชนเหล่าใดกล่าวอย่างนี้ว่า
พระสมณโคดมตรัสอย่างนี้ว่า สมณะหรือพราหมณ์ผู้รู้ธรรมทั้งปวง ผู้เห็นธรรมทั้งปวง
จักปฏิญาณความรู้ความเห็นอันไม่มีส่วนเหลือ ไม่มี ข้อนั้นไม่เป็นฐานะที่จะมีได้ดังนี้ ชนเหล่านั้น
ไม่เป็นอันกล่าวตามที่อาตมภาพกล่าวแล้ว และย่อมกล่าวตู่อาตมภาพด้วยคำอันไม่เป็นจริง ขอ
ถวายพระพร.
ว่าด้วยวรรณ ๔
[๕๗๕] ลำดับนั้นแล พระเจ้าปเสนทิโกศลจึงรับสั่งถาม วิฑูฑภเสนาบดีว่า ดูกร
เสนาบดี ใครหนอกล่าวเรื่องนี้ในภายในพระนคร. วิฑูฑภเสนาบดีกราบทูลว่า ข้าแต่มหาราชา
พราหมณ์สญชัยอากาสโคตรกล่าวเรื่องนี้ ขอเดชะ. ลำดับนั้น พระเจ้าปเสนทิโกศลจึงตรัสเรียก
บุรุษคนหนึ่งมารับสั่งว่า มานี่แน่ะบุรุษผู้เจริญ ท่านจงไปเชิญพราหมณ์สญชัยอากาสโคตรตามคำ
ของเราว่า ดูกรท่านผู้เจริญ พระเจ้าปเสนทิโกศลรับสั่งหาท่าน. บุรุษนั้นทูลรับสนองพระบรม
ราชโองการแล้ว ได้เข้าไปหาพราหมณ์สญชัยอากาสโคตรถึงที่อยู่ แล้วกล่าวกะพราหมณ์สญชัย
อากาสโคตรว่า ดูกรท่านผู้เจริญ พระเจ้าปเสนทิโกศลรับสั่งหาท่าน