พระสุตตันตปิฎกไทย: 13/396/579

สุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์
เล่ม 13
หน้า 396
ป. อย่างนั้น พระเจ้าข้า. พ. ดูกรมหาบพิตร ก็สัตว์คู่หนึ่งเป็นช้างที่ควรฝึกก็ตาม เป็นม้าที่ควรฝึกก็ตาม เป็นโค ที่ควรฝึกก็ตาม เขาไม่ได้ฝึก ไม่ได้แนะนำ สัตว์คู่นั้นที่เขาไม่ได้ฝึกเลย จะพึงถึงเหตุของสัตว์ ที่ฝึกแล้ว จะพึงยังภูมิของสัตว์ที่ฝึกแล้วให้ถึงพร้อมเหมือนสัตว์คู่หนึ่ง เป็นช้างที่ควรฝึกก็ตาม เป็นม้าที่ควรฝึกก็ตาม เป็นโคที่ควรฝึกก็ตาม ที่เขาฝึกดีแล้ว แนะนำดีแล้ว ฉะนั้นบ้างหรือไม่ ขอถวายพระพร? ป. ไม่เป็นอย่างนั้นเลย พระเจ้าข้า. พ. ดูกรมหาบพิตร ฉันนั้นเหมือนกันแล อิฐผลใดอันบุคคลผู้มีศรัทธามีอาพาธน้อย ไม่โอ้อวด ไม่มีมายา ปรารภความเพียร มีปัญญา พึงถึงอิฐผลนั้น บุคคลผู้ไม่มีศรัทธา มีอาพาธมาก โอ้อวด มีมายา เกียจคร้าน มีปัญญาทราม จักถึงได้ ดังนี้ ข้อนี้ไม่เป็นฐานะ ที่จะมีได้ ขอถวายพระพร.
[๕๗๙] ป. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระผู้มีพระภาคตรัสสภาพอันเป็นเหตุ และตรัส สภาพอันเป็นผลพร้อมกับเหตุ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ วรรณะ ๔ จำพวกนี้ คือ กษัตริย์ พราหมณ์ แพศย์ ศูทร ถ้าวรรณะ ๔ จำพวกเหล่านั้น พึงเป็นผู้ประกอบด้วยองค์แห่งภิกษุผู้มีความเพียร ๕ ประการนี้ และมีความเพียรชอบเหมือนกัน ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ในข้อนี้ วรรณ ๔ จำพวก นั้น จะพึงมีความแปลกกัน พึงมีการกระทำต่างกันหรือ พระเจ้าข้า? พ. ดูกรมหาบพิตร ในข้อนี้ อาตมภาพย่อมไม่กล่าวการกระทำต่างกันอย่างไร คือ วิมุติกับวิมุติ ของวรรณะ ๔ จำพวกนั้น ขอถวายพระพร. ดูกรมหาบพิตร เปรียบเหมือน บุรุษเก็บเอาไม้สาละแห้งมาใส่ไฟ พึงก่อไฟให้โพลงขึ้น. ต่อมา บุรุษอีกคนหนึ่งเก็บเอาไม้มะม่วง แห้งมาใส่ไฟ พึงก่อไฟให้โพลงขึ้น. และภายหลังบุรุษอีกคนหนึ่งเก็บเอาไม้มะเดื่อแห้งมาใส่ไฟ พึงก่อไฟให้โพลงขึ้น. ดูกรมหาบพิตร มหาบพิตรจะทรงสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน เปลวกับเปลว สีกับสี หรือแสงกับแสงของไฟที่เกิดขึ้นจากไม้ต่างๆ กันนั้น จะพึงมีความแตกต่างกันอย่างไร หรือหนอ ขอถวายพระพร?