พระสุตตันตปิฎกไทย: 19/396/1602
สุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค
จิตของผู้มีความสุขย่อมเป็นสมาธิ เมื่อจิตเป็นสมาธิ ธรรมทั้งหลายย่อมปรากฏ เพราะธรรมทั้ง
หลายปรากฏ อริยสาวกนั้นย่อมถึงความนับว่า อยู่ด้วยความไม่ประมาท อีกประการหนึ่ง อริย
สาวกประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหว ในพระธรรม ... ในพระสงฆ์ ... ประกอบด้วย
ศีลที่พระอริยเจ้าใคร่แล้ว ไม่ขาด ฯลฯ เป็นไปเพื่อสมาธิ อริยสาวกนั้นยังไม่พอใจด้วยศีลที่
พระอริยเจ้าใคร่แล้ว พยายามให้ยิ่งขึ้นไป เพื่อความสงัดในกลางวัน เพื่อหลีกเร้นในกลางคืน
เมื่ออริยสาวกนั้นเป็นผู้ไม่ประมาทอยู่อย่างนี้ ย่อมเกิดปราโมทย์ เมื่อเกิดปราโมทย์ ย่อมเกิดปีติ
เมื่อมีใจกอปรด้วยปีติ กายย่อมสงบ ผู้มีกายสงบ ย่อมได้เสวยสุข จิตของผู้มีความสุข ย่อม
เป็นสมาธิ เมื่อจิตเป็นสมาธิ ธรรมทั้งหลายย่อมปรากฏ อริยสาวกนั้นย่อมถึงความนับว่า อยู่
ด้วยความไม่ประมาท ดูกรนันทิยะ อริยสาวกเป็นผู้อยู่ด้วยความไม่ประมาทอย่างนี้แล.
จบ สูตรที่ ๑๐
จบปุญญาภิสันทวรรคที่ ๔
----------
รวมพระสูตรที่มีในวรรคนี้ คือ
๑. อภิสันทสูตรที่ ๑ ๒. อภิสันทสูตรที่ ๒
๓. อภิสันทสูตรที่ ๓ ๔. เทวปทสูตรที่ ๑
๕. เทวปทสูตรที่ ๒ ๖. สภาคตสูตร
๗. มหานามสูตร ๘. วัสสสูตร
๙. กาฬิโคธาสูตร ๑๐. นันทิยสูตร
-----------