พระสุตตันตปิฎกไทย: 25/397/426
สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
พระผู้มีพระภาคตรัสพยากรณ์ว่า ดูกรอชิตะ
โลกอันอวิชชาหุ้มห่อไว้ โลกไม่แจ่มแจ้งเพราะความตระหนี่(เพราะ
ความประมาท) เรากล่าวตัณหา ว่าเป็นเครื่องฉาบทาโลกไว้ ทุกข์เป็น
ภัยใหญ่ของโลกนั้น ฯ
อ. กระแสทั้งหลายย่อมไหลไปในอารมณ์ทั้งปวง อะไรเป็นเครื่องกั้นกระแส
ทั้งหลาย ขอพระองค์จงตรัสบอกเครื่องกั้นกระแสทั้งหลาย กระแสทั้ง
หลายอันบัณฑิตย่อมปิดได้ด้วยธรรมอะไร ฯ
พ. ดูกรอชิตะ สติเป็นเครื่องกั้นกระแสในโลก เรากล่าวสติว่าเป็นเครื่อง
กั้นกระแสทั้งหลาย กระแสเหล่านั้นอันบัณฑิตย่อมปิดได้ด้วยปัญญา ฯ
อ. ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ ปัญญา สติ และนามรูป ธรรมทั้งหมดนี้ย่อม
ดับไป ณ ที่ไหน พระองค์อันข้าพระองค์ทูลถามแล้ว ขอจงตรัสบอก
ปัญหาข้อนี้แก่ข้าพระองค์เถิด ฯ
พ. ดูกรอชิตะ เราจะบอกปัญหาที่ท่านได้ถามแล้วแก่ท่าน นามและรูปย่อม
ดับไปไม่มีส่วนเหลือ ณ ที่ใด สติและปัญญานี้ย่อมดับไป ณ ที่นั้นเพราะ
ความดับแห่งวิญญาณ ฯ
อ. ชนเหล่าใดผู้มีธรรมอันพิจารณาเห็นแล้ว และชนเหล่าใดผู้ยังต้องศึกษา
อยู่เป็นอันมากมีอยู่ในโลกนี้ ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ พระองค์ผู้มี
ปัญญารักษาตน อันข้าพระองค์ทูลถามแล้ว ขอจงตรัสบอกความเป็นไป
ของชนเหล่านั้นแก่ข้าพระองค์เถิด ฯ
พ. ภิกษุไม่กำหนัดยินดีในกามทั้งหลาย มีใจไม่ขุ่นมัว ฉลาดในธรรม
ทั้งปวง มีสติ พึงเว้นรอบ ฯ
จบอชิตมาณวกปัญหาที่ ๑
ติสสเมตเตยยปัญหาที่ ๒
[๔๒๖] ติสสเมตเตยยมาณพทูลถามปัญหาว่า
ใครชื่อว่าผู้ยินดีในโลกนี้ ความหวั่นไหวทั้งหลายย่อมไม่มีแก่ใคร ใคร
รู้ส่วนทั้งสอง (คืออดีตกับอนาคต) แล้วไม่ติดอยู่ในส่วนท่ามกลาง