พระสุตตันตปิฎกไทย: 22/398/377      
      สุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต
      
     
 
    
        
          
             เมื่อนั้นภิกษุนี้เรากล่าวว่า ได้ตัดตัณหาขาดแล้ว คลายสังโยชน์ได้แล้ว ได้ทำที่สุดทุกข์
เพราะละมานะได้โดยชอบ ฯ
		          จบสูตรที่ ๑๐
		         ๑๑. ตัณหาสูตร
 [๓๗๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ตัณหา ๓ และมานะ ๓ ควรละ ตัณหา ๓ เป็นไฉน
คือ กามตัณหา ๑ ภวตัณหา ๑ วิภวตัณหา ๑ ตัณหา ๓ นี้ควรละ มานะ ๓เป็นไฉน คือ
ความถือตัวว่าเสมอเขา ๑ ความถือตัวว่าเลวกว่าเขา ๑ ความถือตัวว่าดีกว่าเขา ๑ มานะ ๓ นี้ควรละ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อใดแล ตัณหา ๓ และมานะ๓ นี้ย่อมเป็นธรรมชาติอันภิกษุละได้แล้ว
เมื่อนั้น ภิกษุนี้เรากล่าวว่า ได้ตัดตัณหาขาดแล้ว คลายสังโยชน์ได้แล้ว ได้กระทำที่สุดทุกข์
เพราะละมานะได้โดยชอบ ฯ
		          จบสูตรที่ ๑๑
		       จบอานิสังสวรรคที่ ๕
		          _______________
		    รวมพระสูตรที่มีในวรรคนี้ คือ
     	๑. ปาตุภาวสูตร 		๒. อานิสังสสูตร
๓. อนิจจสูตร 		๔. ทุกขสูตร
๕. อนัตตสูตร 		๖. นิพพานสูตร
๗. อโนทิสสสูตรที่ ๑ 	๘. อโนทิสสูตรที่ ๒
๙. อโนทิสสูตรที่ ๓ 		๑๐. ภวสูตร
๑๑. ตัณหาสูตร ฯ
		         จบทุติยปัณณาสก์
		         __________________