พระสุตตันตปิฎกไทย: 21/40/38

สุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต
เล่ม 21
หน้า 40
ให้บริสุทธิ์จากธรรมเครื่องกั้นด้วยการเดินจงกรม ด้วยการนั่งตลอดวัน ย่อมชำระจิตให้บริสุทธิ์จาก ธรรมเครื่องกั้นด้วยการเดินจงกรม ด้วยการนั่งตลอดปฐมยามแห่งราตรี ย่อมสำเร็จสีหไสยาโดยข้าง เบื้องขวา ซ้อนเท้าเหลื่อมเท้า มีสติสัมปชัญญะ มนสิการความสำคัญในอันจะลุกขึ้น ตลอด มัชฌิมยามแห่งราตรี ลุกขึ้นแล้วย่อมชำระจิตให้บริสุทธิ์จากธรรมเครื่องกั้นด้วยการเดินจงกรม ด้วย การนั่ง ตลอดปัจฉิมยามแห่งราตรี ภิกษุเป็นผู้ประกอบเนืองๆ ซึ่งความเพียรเครื่องตื่นอยู่อย่างนี้แล ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการนี้แล เป็นผู้ไม่ควรเพื่อเสื่อมรอบ ชื่อว่า ย่อมประพฤติใกล้นิพพานทีเดียว ฯ ภิกษุผู้ดำรงอยู่ในศีล สำรวมในอินทรีย์ทั้งหลาย รู้ประมาณ ในโภชนะ และย่อมประกอบเนืองๆ ซึ่งความเพียร เครื่องตื่น อยู่ ภิกษุผู้มีปรกติพากเพียรอยู่อย่างนี้ ไม่ เกียจคร้านตลอดวันและคืน บำเพ็ญกุศลธรรมเพื่อถึง ความเกษมจากโยคะภิกษุผู้ยินดีในความไม่ประมาทหรือ มีปรกติเห็นภัยในความ ประมาทเป็นผู้ไม่ควรเพื่อความเสื่อม ชื่อว่าประพฤติใกล้ นิพพานทีเดียว ฯ จบสูตรที่ ๗ ปฏิลีนสูตร
[๓๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้มีทิฏฐิสัจจะแต่ละอย่างอันบรรเทาได้แล้ว มีการ แสวงหาทั้งปวงอันสละแล้ว มีกายสังขารอันสงบระงับ เราเรียกว่าผู้มีการหลีกออกเร้นอยู่ ดูกร ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเป็นผู้มีทิฏฐิสัจจะแต่ละอย่างอันบรรเทาได้แล้วอย่างไร ทิฏฐิสัจจะแต่ละอย่าง เป็นอันมาก ของสมณพราหมณ์ผู้มีกิเลสหนาแน่นเหล่าใด คือ เห็นว่า โลกเที่ยง หรือว่าโลก ไม่เที่ยง โลกมีที่สุด หรือว่าโลกไม่มีที่สุด ชีพก็อันนั้น สรีระก็อันนั้น หรือว่าชีพเป็นอื่นสรีระ ก็เป็นอื่น สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้วย่อมเกิดอีก หรือว่าสัตว์เบื้องหน้าตายแล้วย่อมไม่เกิดอีก สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้วย่อมเกิดอีกก็มี ย่อมไม่เกิดอีกก็มี หรือว่าสัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้วย่อม เกิดอีกก็หามิได้ ย่อมไม่เกิดอีกก็หามิได้ทิฏฐิสัจจะเหล่านั้นทั้งหมดอันภิกษุในธรรมวินัยนี้ บรรเทา ได้แล้ว สละแล้วคายออกแล้ว ปล่อยแล้ว ละได้แล้ว สละคืนแล้ว ภิกษุเป็นผู้มีทิฏฐิสัจจะ แต่ละอย่างอันบรรเทาได้แล้วอย่างนี้แล ฯ