พระสุตตันตปิฎกไทย: 25/400/428
สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
อุปธิเป็นเหตุ ผู้ใดไม่รู้แจ้งย่อมกระทำอุปธิ ผู้นั้นเป็นคนเขลา ย่อมเข้าถึง
ทุกข์บ่อยๆ เพราะฉะนั้น เมื่อบุคคลมารู้ชัด เห็นชาติว่าเป็นเหตุเกิด
แห่งทุกข์ไม่พึงกระทำอุปธิ ฯ
ม. ข้าพระองค์ได้ทูลถามความข้อใด พระองค์ก็ทรงแสดงความข้อนั้นแก่
ข้าพระองค์แล้ว ข้าพระองค์ขอทูลถามความข้ออื่นอีกขอเชิญพระองค์จง
ตรัสบอกความข้อนั้นเถิด นักปราชญ์ทั้งหลายย่อมข้ามโอฆะ คือ ชาติ
ชรา โสกะและปริเทวะได้อย่างไรหนอ ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นมุนี ขอ
พระองค์จงตรัสพยากรณ์ธรรมอันเป็นเครื่องข้ามโอฆะให้สำเร็จประโยชน์
แก่ข้าพระองค์เถิด เพราะว่าธรรมนี้ พระองค์ทรงทราบชัดแล้วด้วย
ประการนั้น ฯ
พ. ดูกรเมตตคู เราจักแสดงธรรมแก่ท่านในธรรมที่เราได้เห็นแล้ว เป็น
ธรรมประจักษ์แก่ตนที่บุคคลทราบชัดแล้ว พึงเป็นผู้มีสติ ดำเนินข้าม
ตัณหาอันซ่านไปในอารมณ์ต่างๆในโลกเสียได้ ฯ
ม. ข้าแต่พระองค์ผู้แสวงหาคุณอันใหญ่ ก็ข้าพระองค์ยินดีอย่างยิ่ง ซึ่งธรรม
อันสูงสุดที่บุคคลทราบชัดแล้ว เป็นผู้มีสติพึงดำเนินข้ามตัณหาอัน
ซ่านไปในอารมณ์ต่างๆ ในโลกเสียได้ ฯ
พ. ดูกรเมตตคู ท่านรู้ชัดซึ่งส่วนอย่างใดอย่างหนึ่งในส่วนเบื้องบน (คือ
อนาคต) ในส่วนเบื้องต่ำ (คืออดีต) และแม้ในส่วนเบื้องขวาง
สถานกลาง (คือปัจจุบัน) จงบรรเทาความเพลิดเพลินและความยึดมั่นใน
ส่วนเหล่านั้นเสีย วิญญาณ(ของท่าน) จะไม่พึงตั้งอยู่ในภพ ภิกษุผู้มี
ธรรมเป็นเครื่องอยู่อย่างนี้ มีสติ ไม่ประมาท ได้รู้แจ้งแล้วเที่ยวไปอยู่
ละความถือมั่นว่าของเราได้แล้ว พึงละทุกข์ คือ ชาติ ชรา โสกะและ
ปริเทวะในอัตภาพนี้เสีย ฯ
ม. ข้าพระองค์ยินดีอย่างยิ่งซึ่งพระวาจานี้ ของพระองค์ผู้แสวงหาคุณอันใหญ่
ข้าแต่พระผู้มีพระภาคผู้โคตมโคตร ธรรมอันไม่มีอุปธิพระองค์ทรงแสดง
ชอบแล้ว พระองค์ทรงละทุกข์ได้แน่แล้ว เพราะว่าธรรมนี้พระองค์ทรง