พระสุตตันตปิฎกไทย: 25/406/433

สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
เล่ม 25
หน้า 406
คำพยากรณ์ทั้งหมดนั้น เป็นเครื่องทำความตรึกให้ทวีมากขึ้น (ข้าพระองค์ ไม่ยินดีในคำพยากรณ์นั้น) ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นมุนี ขอพระองค์จงตรัส บอกธรรมเป็นเครื่องกำจัดตัณหา อันซ่านไปในอารมณ์ต่างๆ ในโลก แก่ข้าพระองค์เถิด ฯ พระผู้มีพระภาคตรัสพยากรณ์ว่า ดูกรเหมกะ ชนเหล่าใดได้รู้ทั่วถึงบท คือ นิพพาน อันไม่แปรผันเป็น ที่บรรเทาฉันทราคะในรูปที่ได้เห็น เสียงที่ได้ฟัง และสิ่งที่ได้ทราบ อันน่ารัก ณ ที่นี้ เป็นผู้มีสติ มีธรรมอันเห็นแล้ว ดับกิเลสได้แล้ว ชนเหล่านั้นสงบระงับแล้ว มีสติข้ามตัณหาอันซ่านไปในอารมณ์ ต่างๆ ในโลกได้แล้ว ฯ จบเหมกมาณวกปัญหาที่ ๘ โตเทยยปัญหาที่ ๙
[๔๓๓] โตเทยยมาณพทูลถามปัญหาว่า ผู้ใดไม่มีกามทั้งหลาย ไม่มีตัณหา และข้ามความสงสัยได้แล้ว ความ พ้นวิเศษของผู้นั้นเป็นอย่างไร ฯ พระผู้มีพระภาคตรัสพยากรณ์ว่า ดูกรโตเทยยะ ผู้ใดไม่มีกามทั้งหลาย ไม่มีตัณหา และข้ามความสงสัยได้แล้ว ความ พ้นวิเศษอย่างอื่นของผู้นั้นไม่มี ฯ ต. ผู้นั้นไม่มีความปรารถนา หรือยังปรารถนาอยู่ ผู้นั้นเป็นผู้มีปัญญา หรือ ยังเป็นผู้มีปรกติกำหนดด้วยปัญญาอยู่ ข้าแต่พระองค์ผู้ศากยะ ข้าพระองค์ จะพึงรู้แจ้งมุนีได้อย่างไรข้าแต่พระองค์ผู้มีพระจักษุรอบคอบ ขอพระองค์ จงตรัสบอกมุนีนั้นให้แจ้งชัดแก่ข้าพระองค์เถิด ฯ พ. ดูกรโตเทยยะ ผู้นั้นไม่มีความปรารถนา และไม่เป็นผู้ปรารถนาอยู่ด้วย ผู้นั้นเป็นคนมีปัญญามิใช่เป็นผู้มีปรกติกำหนดด้วยปัญญาอยู่ด้วย ท่าน จงรู้จักมุนี ว่าเป็นผู้ไม่มีกิเลสเครื่องกังวลไม่ข้องอยู่แล้วในกามและภพ แม้อย่างนี้ ฯ จบโตเทยยมาณวกปัญหาที่ ๙