พระสุตตันตปิฎกไทย: 25/409/437
สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
ทั้งหลายย่อมถือมั่นสิ่งใดๆในโลก มารย่อมติดตามสัตว์ได้เพราะสิ่งนั้น
แหละ เพราะเหตุนั้น ภิกษุเมื่อรู้ชัดอยู่ มาเล็งเห็นหมู่สัตว์ ผู้ติดข้อง
อยู่แล้วในวัฏฏะ อันเป็นบ่วงแห่งมารนี้ว่า เป็นหมู่สัตว์ติดข้องอยู่แล้ว
เพราะการถือมั่นดังนี้ พึงเป็นผู้มีสติ ไม่ถือมั่นเครื่องกังวลในโลกทั้งปวง ฯ
จบภัทราวุธมาณวกปัญหาที่ ๑๒
อุทยปัญหาที่ ๑๓
[๔๓๗] อุทยมาณพทูลถามปัญหาว่า
ข้าพระองค์มีความต้องการปัญหา จึงมาเฝ้าพระองค์ผู้เพ่งฌานปราศจากธุลี
ทรงนั่งโดยปรกติ ทรงทำกิจเสร็จแล้ว ไม่มีอาสวะ ทรงถึงฝั่งแห่ง
ธรรมทั้งปวง ขอพระองค์จงตรัสบอกธรรมอันเป็นเครื่องพ้นที่ควรรู้ทั่วถึง
สำหรับทำลายอวิชชาเถิด ฯ
พระผู้มีพระภาคตรัสพยากรณ์ว่า ดูกรอุทยะ
เรากล่าวธรรมเป็นเครื่องละความพอใจในกาม และโทมนัสทั้งสองอย่าง
เป็นเครื่องบรรเทาความง่วงเหงา เป็นเครื่องห้ามความรำคาญ บริสุทธิ์ดี
เพราะอุเบกขาและสติ มีความตรึกถึงธรรมแล่นไปในเบื้องหน้า ว่าเป็น
ธรรมเครื่องพ้นที่ควรรู้ทั่วถึงสำหรับทำลายอวิชชา ฯ
อุ. โลกมีธรรมอะไรประกอบไว้ ธรรมชาติอะไรเป็นเครื่องพิจารณา (เป็น
เครื่องสัญจร) ของโลกนั้น เพราะละธรรมอะไรได้เด็ดขาด ท่านจึง
กล่าวว่า นิพพาน ฯ
พ. โลกมีความเพลิดเพลินประกอบไว้ ความตรึกไปต่างๆ เป็นเครื่อง
พิจารณา (เป็นเครื่องสัญจร) ของโลกนั้น เพราะละตัณหาได้เด็ดขาด
ท่านจึงกล่าวว่า นิพพาน ฯ
อุ. เมื่อบุคคลระลึกอย่างไรเที่ยวไปอยู่ วิญญาณจึงจะดับข้าพระองค์ทั้งหลาย
มาเฝ้าเพื่อทูลถามพระองค์ ข้าพระองค์ทั้งหลาย ขอฟังพระดำรัสของ
พระองค์ ฯ