พระสุตตันตปิฎกไทย: 25/415/444
สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
พระปิงคิยะกำลังนั่งพรรณนาพระพุทธคุณแก่พราหมณ์พาวรีอยู่ ได้เห็นพระรัศมีแล้วคิดว่า นี้อะไร
เหลียวแลไป ได้เห็นพระผู้มีพระภาคประหนึ่งประทับอยู่เบื้องหน้าตน จึงบอกแก่พราหมณ์พาวรี
ว่าพระพุทธเจ้าเสด็จมาแล้ว พราหมณ์พาวรีได้ลุกจากอาสนะประคองอัญชลียืนอยู่แม้พระผู้มี
พระภาค เมื่อจะทรงแผ่พระรัศมีแสดงพระองค์แก่พราหมณ์พาวรีทรงทราบธรรมเป็นที่สบายของ
พระปิงคิยะและพราหมณ์พาวรีทั้งสองแล้ว เมื่อจะตรัสเรียกแต่พระปิงคิยะองค์เดียว จึงได้ตรัส
พระคาถานี้ว่า)
ดูกรปิงคิยะ พระวักกลิ พระภัทราวุธะ และพระอาฬวีโคดมเป็นผู้มี
ศรัทธาน้อมลงแล้ว (ได้บรรลุอรหัตด้วยศรัทธาธุระ)ฉันใด แม้ท่านก็
จงปล่อยศรัทธาลง ฉันนั้น ดูกรปิงคิยะเมื่อท่านน้อมลงด้วยศรัทธา
ปรารภวิปัสสนา โดยนัยเป็นต้นว่าสังขารทั้งปวงไม่เที่ยง ก็จักถึง
นิพพาน อันเป็นฝั่งโน้นแห่งวัฏฏะอันเป็นบ่วงแห่งมัจจุราช ฯ
พระปิงคิยะเมื่อจะประกาศความเลื่อมใสของตนจึงกราบทูลว่า
ข้าพระองค์นี้ย่อมเลื่อมใสอย่างยิ่ง เพราะได้ฟังพระวาจาของพระองค์ผู้
เป็นมุนี พระองค์มีกิเลสดุจหลังคาอันเปิดแล้วตรัสรู้แล้วด้วยพระองค์
เอง ไม่มีกิเลสดุจเสาเขื่อน ทรงมีปฏิภาณ ทรงทราบธรรมเป็นเหตุ
กล่าวว่าประเสริฐยิ่ง ทรงทราบธรรมชาติทั้งปวง ทั้งเลวและประณีต
พระองค์เป็นศาสดาผู้กระทำที่สุดแห่งปัญหาทั้งหลาย แก่เหล่าชนผู้มี
ความสงสัยปฏิญาณอยู่ นิพพานอันกิเลสมีราคะเป็นต้นไม่พึงนำไปได้
เป็นธรรมไม่กำเริบ หาอุปมาในที่ไหนๆ มิได้ข้าพระองค์จักถึงอนุปา
ทิเสสนิพพานธาตุแน่แท้ ข้าพระองค์ไม่มีความสงสัยในนิพพานนี้เลย
ขอพระองค์จงทรงจำข้าพระองค์ว่า เป็นผู้มีจิตน้อมไปแล้ว (ในนิพพาน)
ด้วยประการนี้แล ฯ
จบปารายนวรรคที่ ๕
______________
รวมพระสูตรที่มีในสุตตนิบาตนี้ คือ
[๔๔๔] ๑. อุรคสูตร ๒. ธนิยสูตร ๓. ขัคควิสาณสูตร๔. กสิภารทวาช
สูตร ๕. จุนทสูตร ๖. ปราภวสูตร๗. วสลสูตร ๘. เมตตสูตร