พระสุตตันตปิฎกไทย: 13/446/648 649
สุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์
[๖๔๘] จังกีพราหมณ์ได้เห็นพราหมณ์ และคฤหบดีชาวโอปาสาทพราหมณคาม พากัน
ออกจากโอปาสาทพราหมณคามเป็นหมู่ มุ่งหน้าไปทางทิศอุดร พากันไปยังป่าไม้สาละอันชื่อว่า
เทพวัน ครั้นเห็นแล้วจึงเรียกนักการมาถามว่า พ่อนักการ พราหมณ์และคฤหบดีชาวโอปาสาท
พราหมณคาม พากันออกจากโอปาสาทพราหมณคามเป็นหมู่ๆ มุ่งหน้าไปทางทิศอุดร พากันไป
ยังป่าไม้สาละอันชื่อว่าเทพวัน ทำไมกัน. นักการตอบว่า ข้าแต่ท่านจังกี มีเรื่องอยู่ พระสมณ
โคดมศากยบุตรเสด็จออกผนวชจากศากยสกุล เสด็จจาริกไปในโกศลชนบทพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์
หมู่ใหญ่ เสด็จถึงโอปาสาทพราหมณคาม ประทับอยู่ ณ ป่าไม้สาละอันชื่อว่าเทพวัน ทางทิศเหนือ
แห่งโอปาสาทพราหมณคาม ก็กิติศัพท์อันงามของท่านพระโคดมพระองค์นั้น ได้ขจรไปอย่างนี้ว่า
แม้เพราะเหตุนี้ๆ พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น เป็นพระอรหันต์ ... เป็นผู้เบิกบานแล้ว เป็นผู้
จำแนกธรรม พราหมณ์และคฤหบดีเหล่านั้น พากันไปเพื่อเฝ้าท่านพระโคดมพระองค์นั้น.
จ. พ่อนักการ ถ้าเช่นนั้น ท่านจงเข้าไปหาพราหมณ์และคฤหบดีชาวโอปาสาท
พราหมณคาม แล้วจึงกล่าวอย่างนี้ว่า ดูกรท่านผู้เจริญทั้งหลาย จังกีพราหมณ์สั่งมาอย่างนี้ว่า
ขอท่านผู้เจริญทั้งหลายจงรออยู่ก่อน แม้จังกีพราหมณ์ก็จะไปเฝ้าพระสมณโคดม.
นักการรับคำจังกีพราหมณ์แล้ว เข้าไปหาพราหมณ์และคฤหบดีชาวโอปาสาทพราหมณคาม
แล้วกล่าวว่า ดูกรท่านผู้เจริญทั้งหลาย จังกีพราหมณ์สั่งมาอย่างนี้ว่า ขอท่านทั้งหลายจงรอก่อน
แม้จังกีพราหมณ์ก็จักไปเฝ้าพระสมณโคดมด้วย.
จังกีพราหมณ์จะเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า
[๖๔๙] ก็สมัยนั้นแล พราหมณ์ต่างเมืองประมาณ ๕๐๐ พักอยู่ในโอปาสาทพราหมณคาม
ด้วยกรณียกิจบางอย่าง. พราหมณ์เหล่านั้นได้ฟังข่าวว่า จังกีพราหมณ์จักไปเฝ้าพระสมณโคดม.
ลำดับนั้น พราหมณ์เหล่านั้นพากันเข้าไปหาจังกีพราหมณ์ถึงที่อยู่ แล้วได้ถามจังกีพราหมณ์ว่า
ได้ทราบว่า ท่านจังกีจักไปเฝ้าพระสมณโคดมจริงหรือ? จังกีพราหมณ์ตอบว่า ดูกรท่านผู้เจริญ
ทั้งหลาย เป็นความจริงอย่างนั้น แม้เราจักไปเฝ้าพระสมณโคดม.
เว. ท่านจังกีอย่าไปเฝ้าพระสมณโคดมเลย ท่านจังกีไม่สมควรจะไปเฝ้าพระสมณโคดม
พระสมณโคดมสมควรจะเสด็จมาหาท่านจังกี เพราะว่าท่านจังกีเป็นอุภโตสุชาติทั้งฝ่ายมารดาและ