พระสุตตันตปิฎกไทย: 13/449/651
สุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์
พร้อมด้วยบุตรและภรรยา มอบกายถวายชีวิตถึงพระสมณโคดมเป็นสรณะ ... พระสมณโคดม
เสด็จถึงโอปาสาทพราหมณคาม ประทับอยู่ ณ ป่าไม้สาละอันชื่อว่าเทพวัน ทางทิศเหนือแห่ง
โอปาสาทพราหมณคาม สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง มาสู่เขตบ้านของเราทั้งหลาย
สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้น ชื่อว่าเป็นแขกของเราทั้งหลาย และเป็นแขกที่เราทั้งหลายพึง
สักการะ เคารพ นับถือ บูชา ดูกรท่านผู้เจริญทั้งหลาย แม้เพราะเหตุที่พระสมณโคดมเสด็จถึง
โอปาสาทพราหมณคาม ประทับอยู่ ณ ป่าไม้สาละอันชื่อว่าเทพวัน ทางทิศเหนือแห่งโอปาสาท
พราหมณคาม ชื่อว่าเป็นแขกของเราทั้งหลาย และเป็นแขกที่เราทั้งหลายพึงสักการะ เคารพ
นับถือ บูชา นี้ ท่านพระสมณโคดมพระองค์นั้น จึงไม่สมควรจะเสด็จมาหาเราทั้งหลาย ที่ถูก
เราทั้งหลายนี่แหละ สมควรไปเฝ้าท่านพระโคดมพระองค์นั้น ดูกรท่านผู้เจริญทั้งหลาย ข้าพเจ้า
ทราบพระคุณของพระโคดมพระองค์นั้นเพียงเท่านี้ แต่ท่านพระโคดมพระองค์นั้น มีพระคุณ
เพียงเท่านี้หามิได้ ความจริง ท่านพระโคดมพระองค์นั้น มีพระคุณหาประมาณมิได้ ดูกรท่าน
ผู้เจริญทั้งหลาย ถึงแม้ท่านพระโคดมพระองค์นั้น ทรงประกอบด้วยองค์คุณแต่ละอย่างๆ ก็ไม่
สมควรจะเสด็จมาหาเราทั้งหลาย ที่ถูก เราทั้งหลายนี้แหละ สมควรไปเฝ้าท่านพระโคดม
พระองค์นั้น.
เว. ดูกรท่านผู้เจริญทั้งหลาย ถ้าเช่นนั้น เราทั้งปวงเทียว จักไปเฝ้าพระสมณโคดม.
ครั้งนั้นแล จังกีพราหมณ์พร้อมด้วยคณะพราหมณ์หมู่ใหญ่ ได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค
ถึงที่ประทับ ได้ปราศรัยกับพระผู้มีพระภาค ครั้นผ่านการปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันไปแล้ว
จึงนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง. ก็สมัยนั้น พระผู้มีพระภาคประทับนั่งตรัสปราศรัยถึงเรื่องบางเรื่อง
พอให้เป็นเครื่องระลึกถึงกันกับพราหมณ์ทั้งหลายผู้แก่เฒ่าอยู่.
[๖๕๑] ก็สมัยนั้นแล มาณพชื่อว่ากาปทิกะ ยังเป็นเด็กโกนศีรษะมีอายุ ๑๖ ปีแต่กำเนิด
เป็นผู้รู้จบไตรเทพ ... ชำนาญในคัมภีร์โลกายตะและตำราทำนายมหาปุริสลักษณะ นั่งอยู่ในบริษัท
นั้นด้วย. เขาพูดสอดขึ้นในระหว่างๆ เมื่อพราหมณ์ทั้งหลายผู้แก่เฒ่ากำลังเจรจาอยู่กับพระผู้มี