พระสุตตันตปิฎกไทย: 14/50/73 74
สุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์
ไปในอาเนญชสมาบัติหลุดไปแล้ว บุคคลที่เป็นอย่างนี้นั้น พึงทราบเถิดว่า เป็นปุริสบุคคลผู้
น้อมใจไปในอาเนญชสมาบัติ พรากแล้วจากความเกี่ยวข้องในโลกามิส ฯ
[๗๓] ดูกรสุนักขัตตะ ข้อที่ปุริสบุคคลบางคนในโลกนี้ พึงเป็นผู้น้อม ใจไปใน
อากิญจัญญายตนสมาบัติ นั่นเป็นฐานะที่มีได้แล ปุริสบุคคลผู้น้อมใจไปในอากิญจัญญายตน
สมาบัติ ถนัดแต่เรื่องที่เหมาะแก่อากิญจัญญายตนสมาบัติเท่านั้น ย่อมตรึก ย่อมตรอง ธรรม
อันควรแก่อากิญจัญญายตนสมาบัติ คบแต่คนชนิดเดียวกัน และถึงความใฝ่ใจกับคนเช่นนั้น
แต่เมื่อมีใครพูดเรื่องเกี่ยวกับอาเนญชสมาบัติ ย่อมไม่สนใจฟัง ไม่เงี่ยโสตสดับ ไม่ตั้งจิตรับรู้
ไม่คบคน ชนิดนั้น และไม่ถึงความใฝ่ใจกับคนชนิดนั้น เปรียบเหมือนศิลาก้อน แตกออก
เป็น ๒ ซีกแล้ว ย่อมเป็นของเชื่อมกันให้สนิทไม่ได้ ฉันใด ดูกรสุนักขัตตะ ฉันนั้นเหมือน
กันแล เมื่อความเกี่ยวข้องในอาเนญชสมาบัติของปุริสบุคคลผู้น้อมใจไปในอากิญจัญญายตน
สมาบัติแตกไปแล้ว บุคคลที่เป็นอย่างนี้นั้น พึงทราบเถิดว่า เป็นปุริสบุคคลผู้น้อมใจไปใน
อากิญจัญญายตนสมาบัติ พรากแล้วจากความเกี่ยวข้องในอาเนญชสมาบัติ ฯ
[๗๔] ดูกรสุนักขัตตะ ข้อที่ปุริสบุคคลบางคนในโลกนี้ พึงเป็นผู้น้อม ใจไปใน
เนวสัญญานาสัญญายตนสมาบัติ นั่นเป็นฐานะที่มีได้แล ปุริสบุคคลผู้น้อมใจไปในเนว
สัญญานาสัญญายตนสมาบัติ ถนัดแต่เรื่องที่เหมาะแก่เนวสัญญา นาสัญญายตนสมาบัติ ย่อมตรึก
ย่อมตรอง ธรรมอันควรแก่เนวสัญญานาสัญญายตนสมาบัติ คบแต่คนเช่นเดียวกัน และถึง
ความใฝ่ใจกับคนเช่นนั้น แต่เมื่อมีใครพูดถึงเรื่องเกี่ยวกับอากิญจัญญายตนสมาบัติ ย่อมไม่สนใจ
ฟัง ไม่เงี่ยโสตสดับไม่ตั้งจิตรับรู้ ไม่คบคนชนิดนั้น และไม่ถึงความใฝ่ใจกับคนชนิดนั้น
เปรียบเหมือนคนบริโภคโภชนะที่ถูกใจอิ่มหนำแล้ว พึงทิ้งเสีย ดูกรสุนักขัตตะ เธอจะสำคัญ
ความข้อนั้นเป็นไฉน เขาจะพึงมีความปรารถนาในภัตนั้นบ้างไหมหนอ ฯ
สุ. ข้อนี้หามิได้เลย พระพุทธเจ้าข้า ฯ
พ. นั่นเพราะเหตุไร ฯ
สุ. เพราะว่าภัตโน้น ตนเองรู้สึกว่า เป็นของปฏิกูลเสียแล้ว ฯ