พระสุตตันตปิฎกไทย: 13/510/742 743
สุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์
อันกล้าเผ็ดร้อนเกิดเพราะความเพียรก็ดี หากจะไม่ได้เสวยก็ดี ก็ไม่ควรเพื่อจะรู้ เพื่อจะเห็น
ซึ่งปัญญาเครื่องตรัสรู้อันไม่มีธรรมอื่นยิ่งกว่า. ดูกรภารทวาชะ อุปมาข้อที่ ๑ นี้แลอันน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก
ไม่เคยได้ฟังมาในกาลก่อน มาปรากฏกะเรา.
[๗๔๒] ดูกรภารทวาชะ อุปมาข้อที่ ๒ อีกข้อหนึ่งอันน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก ไม่เคยได้ฟังมาใน
กาลก่อน มาปรากฏกะเรา. เปรียบเหมือนไม้สด ชุ่มด้วยยาง ตั้งอยู่บนบก ไกลน้ำ. ถ้าบุรุษ
พึงมาด้วยหวังว่า จักเอาไม้นั้นมาสีให้เกิดไฟ จักทำไฟให้ปรากฏ. ดูกรภารทวาชะ ท่านจะเข้าใจ
ความข้อนั้นเป็นไฉน บุรุษนั้นเอาไม้สดชุ่มด้วยยาง ตั้งอยู่บนบก ไกลน้ำ มาสีไฟ จะพึงให้
ไฟเกิด พึงทำไฟให้ปรากฏได้หรือหนอ?
สคารวมาณพกราบทูลว่า ข้อนี้หามิได้ ท่านพระโคดม ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะไม้
นั้นยังสด ชุ่มด้วยยาง ถึงแม้จะตั้งอยู่บนบก ไกลน้ำ บุรุษนั้นก็จะพึงมีส่วนแห่งความเหน็ดเหนื่อย
ลำบากเปล่าเท่านั้น.
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภารทวาชะ ฉันนั้นเหมือนกันแล สมณะหรือพราหมณ์
เหล่าใดเหล่าหนึ่ง แม้มีกายหลีกออกจากกามแล้ว. แต่ยังมีความพอใจในกาม ความเสน่หาในกาม
ความหมกมุ่นในกาม ความระหายในกาม ความเร่าร้อนเพราะกาม อันตนยังละไม่ได้ด้วยดี
ยังให้สงบระงับด้วยดีไม่ได้ในภายใน. ท่านสมณพราหมณ์เหล่านั้น ถึงแม้จะได้เสวยทุกขเวทนา
อันกล้าเผ็ดร้อนที่เกิดเพราะความเพียรก็ดี จะไม่ได้เสวยก็ดี ก็ยังไม่ควรเพื่อจะรู้ เพื่อจะเห็น
ซึ่งปัญญาเครื่องตรัสรู้อันไม่มีธรรมอื่นยิ่งกว่า. ดูกรภารทวาชะ อุปมาข้อที่ ๒ นี้แลอันน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก
ไม่เคยได้ฟังมาในกาลก่อน มาปรากฏแก่เรา.
[๗๔๓] ดูกรภารทวาชะ อุปมาข้อที่ ๓ อีกข้อหนึ่งอันน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก ไม่เคยได้ฟังมาใน
กาลก่อน มาปรากฏกะเรา. เปรียบเหมือนไม้แห้งเกราะ ทั้งตั้งอยู่บนบก ไกลน้ำ. ถ้าบุรุษพึงมา
ด้วยหวังว่า จะเอาไม้นั้นมาสีไฟ จักให้ไฟเกิด จักทำไฟให้ปรากฏ ดังนี้. ดูกรภารทวาชะ
ท่านจะเข้าใจความข้อนั้นเป็นไฉน บุรุษนั้นเอาไม้แห้งเกราะ ทั้งตั้งอยู่บนบก ไกลน้ำ มาสีไฟ
จะพึงให้ไฟเกิด พึงทำไฟให้ปรากฏได้บ้างหรือหนอ?