พระสุตตันตปิฎกไทย: 13/512/746 747 748
สุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์
กลั้นลมอัสสาสะปัสสาสะ ทั้งทางปากและทางจมูก ก็มีเสียงลมออกทางช่องหูทั้งสองดังเหลือ
ประมาณ ฉันนั้น. ถึงเช่นนั้น เราปรารภความเพียร ไม่ย่อหย่อน ตั้งสติไว้มั่น ไม่ฟั่นเฟือน
แต่ว่ากายที่ปรารภความเพียรของเราอันความเพียรที่ทนได้ยากนั้นแลเสียดแทง จึงกระสับกระส่าย
ไม่สงบระงับ.
[๗๔๖] ดูกรภารทวาชะ เรานั้นมีความคิดเห็นว่า ถ้ากระไร เราพึงเพ่งฌานอันไม่มี
ลมปราณเป็นอารมณ์เถิด. เราจึงกลั้นลมอัสสาสะปัสสาสะทั้งทางปาก ทางจมูก และทางช่องหู.
เมื่อเรากลั้นลมอัสสาสะปัสสาสะทั้งทางปาก ทางจมูก และทางช่องหู ลมก็เสียดแทงศีรษะ
เหลือทน. บุรุษมีกำลังพึงเชือดกระหม่อมด้วยมีดโกนอันคม ฉันใด เมื่อเรากลั้นลมอัสสาสะ
ปัสสาสะทั้งทางปาก ทางจมูกและทางช่องหู ลมก็เสียดแทงศีรษะเหลือทน ฉันนั้น. ถึงเช่นนั้น
เราก็ปรารภความเพียร ไม่ย่อหย่อน ตั้งสติไว้มั่น ไม่ฟั่นเฟือน แต่ว่ากายที่ปรารภความเพียร
ของเราอันความเพียรที่ทนได้ยากนั้นแลเสียดแทง จึงกระสับกระส่าย ไม่สงบระงับ.
[๗๔๗] ดูกรภารทวาชะ เรานั้นมีความคิดเห็นว่า ถ้ากระไร เราพึงเพ่งฌานอันไม่มี
ลมปราณเป็นอารมณ์เถิด. เราจึงกลั้นลมอัสสาสะปัสสาสะทั้งทางปาก ทางจมูก และทางช่องหู.
เมื่อเรากลั้นลมอัสสาสะปัสสาสะทั้งทางปาก ทางจมูก และทางช่องหู ก็ให้ปวดศีรษะเหลือทน.
บุรุษมีกำลัง พึงเอาเส้นเชือกเกลียวเขม็งรัดที่ศีรษะ ฉันใด เมื่อเรากลั้นลมอัสสาสะปัสสาสะ
ทั้งทางปาก ทางจมูกและทางช่องหู ก็ให้ปวดศีรษะเหลือทน ฉันนั้น. ถึงเช่นนั้นเราก็ปรารภ
ความเพียร ไม่ย่อหย่อน ตั้งสติไว้มั่น ไม่ฟั่นเฟือน แต่กายที่ปรารภความเพียรของเรา
อันความเพียรที่ทนได้ยากนั้นแลเสียดแทง จึงกระสับกระส่าย ไม่สงบระงับ.
[๗๔๘] ดูกรภารทวาชะ เรานั้นมีความคิดเห็นว่า ถ้ากระไร เราพึงเพ่งฌานอันไม่มี
ลมปราณเป็นอารมณ์เถิด. เราจึงกลั้นลมอัสสาสะปัสสาสะทั้งทางปาก ทางจมูก และทางช่องหู.
เมื่อเรากลั้นลมอัสสาสะปัสสาสะทั้งทางปาก ทางจมูก และทางช่องหู ลมก็เสียดแทงพื้นท้อง
เหลือประมาณ. นายโคฆาต หรือลูกมือนายโคฆาตผู้ขยันพึงเชือดพื้นท้องด้วยมีดสำหรับเชือด
เนื้อโค ฉันใด เมื่อเรากลั้นลมอัสสาสะปัสสาสะทั้งทางปาก ทางจมูก และทางช่องหู ลมก็