พระสุตตันตปิฎกไทย: 22/55/50
สุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต
ประโยชน์แม้เล็กน้อยในโลกนี้ อันใครๆ ย่อมไม่ได้เพราะการเศร้าโศก
เพราะการคร่ำครวญ พวกอมิตรทราบว่าเขาเศร้าโศก เป็นทุกข์ ย่อม
ดีใจ ก็คราวใด บัณฑิตพิจารณารู้เนื้อความ ไม่หวั่นไหวในอันตราย
ทั้งหลาย คราวนั้น พวกอมิตรเห็นหน้าอันไม่ผิดปกติของบัณฑิตนั้น
ยิ้มแย้มตามเคยย่อมเป็นทุกข์ บัณฑิตพึงได้ประโยชน์ในที่ใดๆ ด้วย
ประการ ใดๆ เพราะการสรรเสริญ เพราะความรู้ เพราะกล่าวคำสุภาษิต
เพราะการบำเพ็ญทาน หรือเพราะประเพณีของตน ก็พึงบากบั่นในที่นั้นๆ
ด้วยประการนั้นๆ ถ้าพึงทราบว่า ความต้องการอย่างนี้อันเราหรือผู้อื่นไม่
พึงได้ไซร้ก็ไม่ควรเศร้าโศก ควรตั้งใจทำงานโดยเด็ดขาดว่า บัดนี้
เราทำอะไรอยู่ ดังนี้ ฯ
เมื่อท่านพระนารทะกล่าวจบแล้วอย่างนี้ พระเจ้ามุณฑะได้ตรัสถามว่า
ท่านผู้เจริญ ธรรมปริยายนี้ชื่ออะไร ท่านพระนารทะตอบว่า ขอถวายพระพร
ธรรมปริยายนี้ชื่อโสกสัลลหรณะ พระเจ้ามุณฑะตรัสชมว่า ท่านผู้เจริญโสกสัลลหรณธรรม
ปริยายดีนัก โสกสัลลหรณธรรมปริยายดีนัก ท่านผู้เจริญเพราะได้ฟังธรรมปริยายนี้ ข้าพเจ้า
จึงละลูกศร คือ ความโศกได้ ครั้งนั้นพระเจ้ามุณฑะได้ตรัสสั่งโสการักขะมหาอำมาตย์ว่า ท่าน
จงถวายพระเพลิงพระศพพระนางภัททาราชเทวี แล้วจึงทำเป็นสถูปไว้ ตั้งแต่วันนี้ไป เราจัก
อาบน้ำแต่งตัว บริโภคอาหาร และประกอบการงาน ฯ
จบสูตรที่ ๑๐
จบมุณฑราชวรรคที่ ๕
__________________
รวมพระสูตรที่มีในวรรคนี้ คือ
๑. อาทิยสูตร ๒. สัปปุริสสูตร
๓. อิฏฐสูตร ๔. มนาปทายีสูตร
๕. อภิสันทสูตร ๖. สัมปทาสูตร
๗. ธนสูตร ๘. ฐานสูตร
๙. โกสลสูตร ๑๐. นารทสูตร
__________________