พระสุตตันตปิฎกไทย: 30/55/148
สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย จูฬนิทเทส
พระภาคทรงมีพระโสต ทรงสดับเสียงด้วยพระโสต แต่ไม่ทรงมีฉันทราคะ มีพระทัยพ้นวิเศษ
ดีแล้ว. พระผู้มีพระภาคทรงมีพระฆานะ ทรงสูดกลิ่นด้วยพระฆานะ แต่ไม่ทรงมีฉันทราคะ มี
พระทัยพ้นวิเศษดีแล้ว พระผู้มีพระภาคทรงมีพระชิวหา ทรงลิ้มรสด้วยพระชิวหา แต่ไม่ทรงมี
ฉันทราคะ มีพระทัยพ้นวิเศษดีแล้ว. พระผู้มีพระภาคทรงมีพระกาย ทรงถูกต้องโผฏฐัพพะด้วย
พระกาย แต่ไม่ทรงมีฉันทราคะ มีพระทัยพ้นวิเศษดีแล้ว. พระผู้มีพระภาคทรงมีพระมนัส ทรงรู้
แจ้งธรรมด้วยพระมนัส แต่ไม่ทรงมีฉันทราคะ มีพระทัยพ้นวิเศษดีแล้ว. พระผู้มีพระภาคทรงข่ม
ทรงคุ้มครอง ทรงรักษา ทรงสำรวมพระจักษุอันชอบใจในรูป ยินดีในรูป พอใจในรูป และ
ทรงแสดงธรรมเพื่อสำรวมจักษุนั้น, ทรงข่ม ทรงคุ้มครอง ทรงรักษา ทรงสำรวมพระโสตอัน
ชอบใจในเสียง ยินดีในเสียง ทรงข่ม ทรงคุ้มครอง ทรงรักษา ทรงสำรวมพระฆานะอัน
ชอบใจในกลิ่น ยินดีในกลิ่น ทรงข่ม ทรงคุ้มครอง ทรงรักษา ทรงสำรวมพระชิวหาอันชอบใจ
ในรส ยินดีในรส ทรงข่ม ทรงคุ้มครอง ทรงรักษา ทรงสำรวมพระกายอันชอบใจในโผฏฐัพพะ
ยินดีในโผฏฐัพพะ ทรงข่ม ทรงคุ้มครอง ทรงรักษา ทรงสำรวมพระมนัสอันชอบใจในธรรมา
รมณ์ ยินดีในธรรมารมณ์ พอใจในธรรมารมณ์ และทรงแสดงธรรมเพื่อสำรวมใจนั้น.
ชนทั้งหลาย ย่อมนำยานที่ตนฝึกแล้วไปสู่ที่ประชุม. พระราชา
ย่อมทรงประทับยานที่สารถีฝึกแล้ว. บุคคลที่ฝึกแล้วเป็นผู้ประเสริฐ
ในหมู่มนุษย์, บุคคลใดย่อมอดทนคำที่ล่วงเกินได้ บุคคลนั้นเป็น
ผู้ประเสริฐ. ม้าอัสดร ม้าอาชาไนย ม้าสินธพ ช้างใหญ่คือกุญชร
ที่เขาฝึกแล้ว จึงประเสริฐ. บุคคลฝึกตนแล้วประเสริฐกว่ายานมีม้า
อัสดร ที่สารถีฝึกแล้วเป็นต้นนั้น. ใครๆ พึงไปสู่ทิศที่ไม่เคยไป
ด้วยยานเหล่านี้ เหมือนบุคคลที่มีตนฝึก (ด้วยความฝึกอินทรีย์)
ฝึกดี (ด้วยอริยมรรคภาวนา) ฝึกแล้ว ย่อมไปสู่ทิศที่ไม่เคยไป
ฉะนั้น หาได้ไม่. พระขีณาสพทั้งหลายย่อมไม่หวั่นไหว ในเพราะ
มานะทั้งหลาย ย่อมเป็นผู้หลุดพ้นจากกรรมกิเลส อันเป็นเหตุให้
เกิดบ่อยๆ บรรลุถึงภูมิที่ฝึกแล้ว (อรหัตผล). พระขีณาสพ
เหล่านั้น เป็นผู้มีความชนะในโลก อินทรีย์ทั้งหลาย. พระขีณาสพใด
ให้เจริญแล้ว อายตนะภายใน อายตนะภายนอก พระขีณาสพนั้น