พระสุตตันตปิฎกไทย: 30/57/150 151

สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย จูฬนิทเทส
เล่ม 30
หน้า 57
รูปาทิธรรมเหล่าใดมีความเกิดในเบื้องต้นปรากฏรูปาทิธรรมเหล่านั้น ก็มีความดับไปในเบื้องปลาย ปรากฎ. วิบากอาศัยกรรม กรรมอาศัยวิบาก รูปอาศัยนาม นามก็อาศัยรูป นามรูปไปตามชาติ ชราก็ติดตาม พยาธิก็ครอบงำ มรณะก็ห้ำหั่น ตั้งอยู่ในทุกข์ ไม่มีอะไรต้านทาน ไม่มีอะไรเป็น ที่เร้น ไม่มีอะไรเป็นสรณะ ไม่มีอะไรเป็นที่พึ่ง เหล่านี้เรียกว่าทุกข์. ท่านพระเมตตคูย่อมทูลถาม ทูลวิงวอน ทูลเชื้อเชิญ ทูลให้ทรงประสาทซึ่งมูล เหตุ นิทาน เหตุเกิด แดนเกิด สมุฏฐาน อาหาร อารมณ์ ปัจจัย สมุทัย แห่งทุกข์เหล่านี้ ทุกข์เหล่านี้เข้ามาถึงพร้อม เกิด ประจักษ์ บังเกิด บังเกิดเฉพาะ ปรากฎแล้วแต่อะไร มีอะไร เป็นนิทาน มีอะไรเป็นสมุทัย มีอะไรเป็นแดนเกิด เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า ทุกข์เหล่านี้ เกิด มาแต่ที่ไหนหนอ?
[๑๕๐] คำว่า เยเกจิ ในอุเทศว่า "เยเกจิ โลกสฺมึ อเนกรูปา" ความว่า ทั้งปวง โดยกำหนดทั้งปวง ทั้งปวงโดยประการทั้งปวง ไม่เหลือ มีส่วนไม่เหลือ บทว่า เยเกจิ นี้ เป็นเครื่องกล่าวรวมหมด. คำว่า โลกสฺมึ ความว่า ในอบายโลก ในมนุษยโลก ในเทวโลก ในขันธโลก ใน ธาตุโลก ในอายตนโลก. คำว่า อเนกรูปา ความว่า ทุกข์ทั้งหลายมีอย่างเป็นอเนก คือ มีประการต่างๆ เพราะ ฉะนั้น จึงชื่อว่า ทุกข์ทั้งหลายมีชนิดเป็นอเนกอย่างใดอย่างหนึ่งในโลก. เพราะเหตุนั้น พราหมณ์นั้นจึงกราบทูลว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ข้าพระองค์ขอทูลถามปัญหานั้น. ขอ พระองค์จงตรัสบอกปัญหานั้นแก่ข้าพระองค์. ข้าพระองค์ ย่อมสำคัญซึ่งพระองค์ว่าเป็นผู้จบเวท มีพระองค์อันให้เจริญ แล้ว. ทุกข์ทั้งหลายมีชนิดเป็นอันมาก เหล่าใดเหล่าหนึ่ง ในโลก เกิดมาแต่ที่ไหนหนอ?
[๑๕๑] (พระผู้มีพระภาคตอบว่า ดูกรเมตตคู) ท่านถามถึงเหตุแห่งทุกข์กะเราแล้ว. เรารู้อยู่อย่างไร ก็จะ