พระสุตตันตปิฎกไทย: 20/6/35 36 37 38 39 40 41 42
สุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอก-ทุก-ติกนิบาต
[๓๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นธรรมอื่นแม้อย่างหนึ่ง ที่คุ้มครองแล้ว
ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์อย่างใหญ่ เหมือนจิต ดูกรภิกษุทั้งหลายจิตที่คุ้มครองแล้ว ย่อมเป็น
ไปเพื่อประโยชน์อย่างใหญ่ ฯ
[๓๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นธรรมอื่นแม้อย่างหนึ่ง ที่ไม่รักษาแล้ว
ย่อมเป็นไปเพื่อมิใช่ประโยชน์อย่างใหญ่ เหมือนจิต ดูกรภิกษุทั้งหลาย จิตที่ไม่รักษาแล้ว
ย่อมเป็นไปเพื่อมิใช่ประโยชน์อย่างใหญ่ ฯ
[๓๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นธรรมอื่นแม้อย่างหนึ่ง ที่รักษาแล้ว
ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์อย่างใหญ่ เหมือนจิต ดูกรภิกษุทั้งหลาย จิตที่รักษาแล้ว ย่อมเป็น
ไปเพื่อประโยชน์อย่างใหญ่ ฯ
[๓๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นธรรมอื่นแม้อย่างหนึ่ง ที่ไม่สังวรแล้ว
ย่อมเป็นไปเพื่อมิใช่ประโยชน์อย่างใหญ่ เหมือนจิต ดูกรภิกษุทั้งหลายจิตที่ไม่สังวรแล้ว
ย่อมเป็นไปเพื่อมิใช่ประโยชน์อย่างใหญ่ ฯ
[๓๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นธรรมอื่นแม้อย่างหนึ่งที่สังวรแล้ว
ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์อย่างใหญ่ เหมือนจิต ดูกรภิกษุทั้งหลายจิตที่สังวรแล้ว ย่อมเป็น
ไปเพื่อประโยชน์อย่างใหญ่ ฯ
[๔๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นธรรมอื่นแม้อย่างหนึ่ง ที่ไม่ฝึกแล้ว
ไม่คุ้มครองแล้ว ไม่รักษาแล้ว ไม่สังวรแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อมิใช่ประโยชน์อย่างใหญ่
เหมือนจิต ดูกรภิกษุทั้งหลาย จิตที่ไม่ฝึกแล้ว ไม่คุ้มครองแล้ว ไม่รักษาแล้ว ไม่สังวรแล้ว
ย่อมเป็นไปเพื่อมิใช่ประโยชน์อย่างใหญ่ ฯ
[๔๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นธรรมอื่นแม้อย่างหนึ่ง ที่ฝึกแล้ว
คุ้มครองแล้ว รักษาแล้ว สังวรแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์อย่างใหญ่ เหมือนจิต
ดูกรภิกษุทั้งหลาย จิตที่ฝึกแล้ว คุ้มครองแล้ว รักษาแล้วสังวรแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์
อย่างใหญ่ ฯ
จบวรรคที่ ๔
[๔๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนเดือยข้าวสาลีหรือเดือยข้าวเหนียวที่บุคคล
ตั้งไว้ผิด มือหรือเท้าย่ำเหยียบแล้ว จักทำลายมือหรือเท้า หรือว่าจักให้ห้อเลือด ข้อนี้มิใช่ฐานะ