พระสุตตันตปิฎกไทย: 30/60/159 160 161
สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย จูฬนิทเทส
คำว่า มนฺโท ความว่า เป็นคนเขลา คือ เป็นคนหลงมิใช่ผู้รู้ ไปแล้ว ในอวิชชา
ไม่มีญาณ ไม่มีปัญญาแจ่มแจ้ง มีปัญญาทราม เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า เป็นคนเขลา เข้าถึง
ทุกข์บ่อยๆ.
[๑๕๙] คำว่า ตสฺมา ในอุเทศว่า "ตสฺมา ปชานํ อุปธึ น กยิรา" ดังนี้ ความว่า
เพราะเหตุนั้น คือ เพราะการณ์ เหตุ ปัจจัย นิทานนั้น บุคคลเมื่อเห็นโทษนี้ในอุปธิทั้งหลาย
เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า เพราะเหตุนั้น.
คำว่า ปชานํ คือ รู้ รู้ทั่ว รู้แจ้ง รู้แจ้งเฉพาะ แทงตลอด คือ รู้ ... แทงตลอดว่า
สังขารทั้งปวงไม่เที่ยง ... สังขารทั้งปวงเป็นทุกข์ ... ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา ฯลฯ สิ่งใดสิ่งหนึ่ง
มีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งปวงล้วนมีความดับไปเป็นธรรมดา.
คำว่า อุปธึ น กยิรา ความว่า ไม่พึงกระทำ ... ไม่พึงกระทำตัณหูปธิ ... อุปธิ คือ
อายตนะภายใน ๖ คือ ไม่พึงให้เกิด ให้เกิดพร้อม ให้บังเกิด เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า เพราะ
เหตุนั้น รู้อยู่ ไม่พึงทำอุปธิ.
[๑๖๐] คำว่า ทุกฺขสฺส ความว่า เป็นผู้พิจารณาเห็นแดนเกิด คือ เป็นผู้พิจารณา
เห็นมูล เหตุ นิทาน สมภพ แดนเกิด สมุฏฐาน อาหาร อารมณ์ ปัจจัย สมุทัย แห่ง
ชาติทุกข์ ชราทุกข์ พยาธิทุกข์ มรณทุกข์ ทุกข์ คือ ความโศก ความร่ำไร ทุกข์กาย
ทุกข์ใจ ความคับแค้นใจ. ปัญญา คือ ความรู้ชัด กิริยาที่รู้ชัด ฯลฯ ความไม่หลง ความ
เลือกเฟ้นธรรม สัมมาทิฏฐิ เรียกว่า อนุปัสสนา. บุคคลเป็นผู้เข้าไป คือ เข้าไปพร้อม เข้ามา
เข้ามาพร้อม เข้าถึง เข้าถึงพร้อม ประกอบแล้วด้วยปัญญาอันพิจารณาเห็นนี้ บุคคลนั้นเรียกว่า
ผู้พิจารณาเห็น เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า ผู้พิจารณาเห็นแดนเกิดแห่งทุกข์.
เพราะเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคจึงตรัสว่า
ผู้ใดแล มิใช่ผู้รู้ ย่อมทำอุปธิ ผู้นั้นเป็นคนเขลา ย่อมเข้าถึง
ทุกข์บ่อยๆ. เพราะเหตุนั้น บุคคลผู้รู้อยู่ ไม่พึงทำอุปธิ
เป็นผู้พิจารณาเห็นแดนเกิดแห่งทุกข์.
[๑๖๑] ข้าพระองค์ได้ทูลถามแล้วซึ่งปัญหาใด พระองค์ได้ตรัสบอก
ปัญหานั้นแล้วแก่ข้าพระองค์. ข้าพระองค์ทั้งหลาย จะขอ
ทูลถามปัญหาข้ออื่น. ขอพระองค์โปรดตรัสบอกปัญหานั้น.